อาการ ‘ไม่รัก’ ทำยังไงก็คงแก้ไม่ได้ และถ้ามียาที่จะทำให้คนเรากลับมารักได้ก็คงจะดี —หลายคนที่คิดแบบนี้อาจอยากรอให้ถึงโลกอนาคตไวๆ เพราะล่าสุดนี้บทความวิชาการจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดระบุว่า ‘ยากระตุ้นความรัก’ สามารถเกิดขึ้นได้จริง และอาจจะถูกใช้ในทางการแพทย์ใน 3-5 ปีนี้
วิธีการทำงานของยากระตุ้นความรักที่ว่านี้ เป็นคนละเรื่องกับยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ และไม่ใช่ในรูปแบบของยาเสน่ห์อย่างที่เราคุ้นชินกัน เพราะยานี้ไม่สามารถระบุเป้าหมายได้ว่ากินแล้วจะต้องหันไปรักใครคนใดคนหนึ่ง เพียงแต่มันจะกระตุ้นความรู้สึกรักให้เกิดขึ้น หรือกลับมาอีกครั้ง ซึ่งจะสามารถช่วยคู่ที่ความรักจืดจาง หรือคนที่ไม่สามารถรู้สึกรักได้ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ
ด็อกเตอร์ แอนนา มาชิน (Anna Machin) นักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด กล่าวถึงตัวยานี้ บนเวทีเสวนาในเทศกาลวิทยาศาสตร์แห่งเชลเทนเฮล 2022 ว่ามันประกอบด้วยฮอร์โมนสี่ตัวได้แก่ โดปามีน เซโรโทนิน เบต้าเอนดอร์ฟิน และ ออกซิโทซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะกระตุ้นให้คนกินเกิดความรู้สึกรักขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม ด็อกเตอร์มาชินระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการผลิตยาชนิดนี้ขายในท้องตลาด ซึ่งก็จะตามมาด้วยคำถามเรื่องศีลธรรมและจริยธรรมอีกมากมาย และสำหรับเธอแล้ว เธอเชื่อว่ายาชนิดนี้ควรต้องอยู่ภายใต้การดูแลและสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการให้คำปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ของคู่รักเท่านั้น
และที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่มีการใช้ยาในลักษณะนี้มาก่อน อย่างเช่นที่สหรัฐอเมริกา ช่วงปี 1970s ในกระบวนการบำบัดเยียวยาความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก แพทย์จะจ่าย ‘ยาเลิฟ’ หรือ Ecstasy หรือพูดง่ายๆ ก็คือยาอี ให้ผู้เข้ารับการบำบัดซึ่งจะช่วย “เสริมสร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับอีกฝ่าย” และ ณ ปัจจุบันมันก็ไม่ได้ถูกใช้ในจุดประสงค์นี้โดยแพทย์อีกต่อไป ด้วยความอันตรายของมัน
ดังนั้นหากยากระตุ้นความรักที่ประกอบขึ้นจากฮอร์โมนจะถูกนำมาใช้จริงๆ (มากกว่าสารเสพติดชนิดกระตุ้นประสาท) ก็เป็นเรื่องที่น่าติดตามทีเดียว ว่ามันจะช่วยเยียวยาความรักความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักได้จริงๆ หรือไม่ หรือท้ายที่สุด จะรักหรือไม่รัก มันก็มีอะไรมากกว่าปัจจัยทางสมองหรือร่างกายอยู่ดี?
อ้างอิง
https://www.independent.co.uk/life-style/love-sex/love-drug-oxytocin-failing-marriage-b2097305.html