Met Gala เพิ่งจะจบไป แน่นอนว่าชื่อของ Zendaya ซึ่งเป็นโคโฮสต์ในการจัดงานปีนี้ติดอันดับ Best Dressed ทุกการรายงาน โดยเฉพาะชุดเปิดตัวซึ่งเป็นชุดของ John Galliano ที่นำเอาอาไคป์มาจากชุดเมื่อครั้งที่เขายังทำงานให้กับดิออร์ในปี 1999 กลับมาสร้างสรรค์เป็นชุดใหม่ให้กับ Zendaya สวมใส่ในงาน Met Gala ครั้งนี้ และไม่ใช่แค่งาน Met Gala เท่านั้นที่ทำให้ Zendaya ติดอันดับ Best Dressed แต่ในทุกการปรากฏตัว โดยเฉพาะในช่วงการเดินทางโปรโมตภาพยนตร์ Dune : Part Two ที่เธอมาพร้อมกับชุดหุ่นยนต์ของ Thierry Mugler จากปี 1995 ก็ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงที่คนไม่ได้รอคอยดูเฉพาะผลงานการแสดงเท่านั้น แต่ยังรอดูชุดที่เธอจะใส่เวลาไปออกงานอีกด้วย

Law Roach สไตลิสต์คู่บุญของ Zendaya ที่เริ่มจากความไม่มีเงินจะซื้อของแบรนด์เนม สู่การเฟ้นหาไอเทมจากร้านมือสอง จนเกิดเป็นเซนส์แฟชั่นสุดเก๋ในแบบ Method Dressing

Met Gala เพิ่งจะจบไป แน่นอนว่าชื่อของ Zendaya ซึ่งเป็นโคโฮสต์ในการจัดงานปีนี้ติดอันดับ Best Dressed ทุกการรายงาน โดยเฉพาะชุดเปิดตัวซึ่งเป็นชุดของ John Galliano ที่นำเอาอาไคป์มาจากชุดเมื่อครั้งที่เขายังทำงานให้กับดิออร์ในปี 1999 กลับมาสร้างสรรค์เป็นชุดใหม่ให้กับ Zendaya สวมใส่ในงาน Met Gala ครั้งนี้ และไม่ใช่แค่งาน Met Gala เท่านั้นที่ทำให้ Zendaya ติดอันดับ Best Dressed แต่ในทุกการปรากฏตัว โดยเฉพาะในช่วงการเดินทางโปรโมตภาพยนตร์ Dune : Part Two ที่เธอมาพร้อมกับชุดหุ่นยนต์ของ Thierry Mugler จากปี 1995 ก็ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงที่คนไม่ได้รอคอยดูเฉพาะผลงานการแสดงเท่านั้น แต่ยังรอดูชุดที่เธอจะใส่เวลาไปออกงานอีกด้วย&nbsp;ซึ่งเบื้องหลังชุดสุดจึ้งแต่ละลุคนั้นมาจากสไตลิสต์ของเธอที่ชื่อ Law Roach ที่ตอนนี้ฮอตไม่แพ้กับ Zendaya เลยทีเดียว<img src="https://media.thairath.co.th/image/PCUaHHQfJGgrtFQp87moohBf0jGHQejIP40YS6R9s1a2hu0e9vA1.jpg" data-id="101594" data-url="https://media.thairath.co.th/image/PCUaHHQfJGgrtFQp87moohBf0jGHQejIP40YS6R9s1a2hu0e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">Law Roach เป็นเกย์ผิวดำที่เกิดและเติบโตที่ชิคาโก ในย่าน South Shore ที่เต็มไปด้วยแก๊งคนผิวดำ เรียนที่ Harlan Community Academy เป็นลูกคนโตมีพี่น้อง 5 คน และมีแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่สถานการณ์ในบ้านก็ไม่ได้ดีนัก เขาย้ายออกมาอยู่กับเพื่อนตั้งแต่อายุ 14 ปี และมีอาชีพหลักที่หาเลี้ยงตัวเองและส่งเสียน้องๆ ด้วยการเป็นบาร์เทนเดอร์&nbsp;แรงบันดาลใจทางแฟชั่นของโรชมาจากหนังของ Diana Ross ที่แม่เขาเปิดให้ดู ทั้งเรื่อง Lady Sings the Blues, The Wiz โดยเฉพาะเรื่อง Mahogany ในปี 1975 ที่รอสส์แสดงเป็นสาวจาก South Side เมืองเดียวกันกับที่เขาอยู่ ก่อนจะไต่เต้าเข้าสู่โลกแฟชั่นอันหรูหรา และคุณยายของเขาที่พาเขาไปร้านเสื้อผ้ามือสองทุกๆ วันอาทิตย์หลังกลับจากโบสถ์และเมื่อเป็นวัยรุ่น วัยที่ใครๆ ก็อยากจะดูเก๋ดูเริดและแตกต่าง โรชก็เหมือนกัน แต่ด้วยความจน ไม่มีเงินจะซื้อเสื้อผ้าใหม่แบรนด์เนม เขาจึงกลับเข้าสู่วงการเสื้อผ้ามือสองอีกครั้ง และไม่เพียงแค่ซื้อมาใส่ให้ตัวเองเท่านั้น เวลาเจอไอเทมเก๋ๆ เริดๆ เขามักจะจินตนาการว่า ถ้าของชิ้นนี้มันอยู่บนตัวผู้หญิง มันจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นเริดขึ้นอีกแค่ไหน เขาจึงเริ่มซื้อและเก็บสะสมงานวินเทจชิ้นเด็ดๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า&nbsp;จนวันหนึ่งเพื่อนของเขามาเห็นกระเป๋าคลัตช์ที่เขาซื้อและโยนไว้หลังรถ และขอซื้อต่อในราคา 50 เหรียญ ซึ่งเขาซื้อมันมาในราคา 2 เหรียญ และบอกว่าให้เขาเอาของที่มีไปเปิดท้ายขายในงานปาร์ตี้ และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการแฟชั่นของโรช ที่ตอนนั้นเขาก็ยังไม่รู้ว่ามีอาชีพที่ชื่อว่า ‘สไตลิสต์’ หรือการแต่งตัวให้คนดังแล้วได้เงินอยู่ในโลกนี้&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/ZhBp1V2mUJfFPTpPT4NLaGRTpX0S0s1a2hMcK4p1V26aUp1V2Is1a2hkfMIce9vA1.jpg" data-id="101594" data-url="https://media.thairath.co.th/image/ZhBp1V2mUJfFPTpPT4NLaGRTpX0S0s1a2hMcK4p1V26aUp1V2Is1a2hkfMIce9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ในปี 2009 โรชและเพื่อนชื่อ Siobhan Strong ลงขันกันเปิดร้านเสื้อผ้าวินเทจชื่อ Deliciously Vintage และเริ่มเป็นที่รู้จักของคนในย่านนั้นว่าจะหาเสื้อผ้าสวยเก๋ไม่เหมือนใครได้ที่นี่ เขาเองก็เริ่มรับจ๊อบเล็กๆ น้อยๆ เป็นฝ่ายหาเสื้อผ้าให้กับงานต่างๆ ที่จัดในเมือง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากคอลเลกชันงานวินเทจที่เขาเก็บสะสมไว้นั่นแหละ จนเมื่อ Kanye West มาเยือนร้าน Deliciously Vintage ซึ่งคานเยรู้จักกับสตรองหุ้นส่วนของร้านอยู่แล้ว เพื่อหาซื้อเสื้อผ้าให้กับสาว (ตอนนั้นคือ Amber Rose) ก็ยิ่งทำให้ร้าน Deliciously Vintage ดังขึ้นไปอีก สไตลิสต์ทั้วทั้งสหรัฐฯ ต่างก็บินมาหาของเก๋ๆ จากร้านนี้โรชได้งานในฐานะสไตลิสต์หาเสื้อผ้าให้กับคนดังงานแรก (ที่ได้เงิน) กับการทำงานให้นักร้องอาร์แอนด์บีชื่อ K. Michelle และจากนั้นเพื่อนเขาก็แนะนำให้เขารู้จักกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ วัย 14 ปี ชื่อ Zendaya ซึ่งเพิ่งจะเข้ามาเป็นดาราเด็กในช่องดิสนีย์ และยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็ต้องออกงาน โดยส่วนใหญ่ Zendaya ก็ซื้อเสื้อผ้าสำหรับออกงานจากห้าง Target และต้องการความช่วยเหลือจากสไตลิสต์ ซึ่งโรชก็ตอบตกลงครั้งแรกที่โรชร่วมงานกับ Zendaya ในการหาชุดให้เธอใส่ออกงาน คืองานที่ Zendaya ไปออกงานการเปิดตัว Never Say Never ของ Justin Bieber ที่แอลเอ ซึ่งตอนนั้น Zendaya อายุเพียง 14 ปี โดยโรชเลือกกระโปรงหนังสีเทาเสื้อสีขาวและเบลเซอร์สีเงิน พร้อมสต๊อกกิ้งและรองเท้าสีดำให้ Zendaya สวมใส่ สลัดภาพเด็กสาวหวานๆ แบ๊วๆ มาเป็นคุณหนูสายแฟในทันทีแต่งานที่ถือว่าแจ้งเกิดในการทำงานร่วมกันระหว่างโรชกับ Zendaya ก็คืองาน Met Gala ตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2015 ในธีม China: Through the Looking Glass ซึ่งเธอมาในชุดของ Fausto Puglisi และปีที่ในธีม Manus x Machina: Fashion in an Age of Technology มาในชุดของ Michael Kors และที่มีมติเอกฉันท์จากทุกสื่อว่าแจ้งเกิดจริงๆ คือปี 2017 ในชุดเดรสกระโปรงสุ่มลายดอกไม้ของ Dolce &amp; Gabbana และในปี 2018 กับชุดที่ได้แรงบันดาลใจจาก Joan of Arc และชุดซินเดอเรลล่าเรืองแสงในปี 2019 และในปีนั้นเอง Law Roach ก็ได้รางวัล Stylist of the Year award จาก InStyle Awards ซึ่งคนที่มาเป็นผู้เชิญรางวัลก็คือ Zendaya นั่นเองที่จริง Law Roach ไม่ได้ดังขึ้นมาจากการทำงานให้กับ Zendaya เท่านั้น อีกหนึ่งความฮือฮาหวือหวาจากการทำงานของเขาก็คือการเปลี่ยนลุคให้กับ Celine Dion นักร้องเสียงทรงพลังมาเป็นคุณนายสายแฟที่สวยหรูดูแพง เริ่มจากงาน Billboard Awards ในปี 2017 กับชุดของ Stephane Rolland ที่เรียกว่า Cloud Dress ที่ช่วงไหล่ของเดรสพองเป็นเหมือนก้อนเมฆ Ariana Grande กับเดรสฟูฟ่องจาก Giambattista Valli ในงาน Grammy Awards ปี 2020 หรือ Hunter Schafer กับชุดที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ กับชุดสีขาวของ Anne Demeulemeester ที่ท่อนบนมีเพียงขนนกปิดหน้าอก ในงาน Vanity Fair Oscar Party ปี 2023&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/mIQp1V2dAPb9FvBpGfAw5cplxHXxAp1V2CPrQVH8A0s8WNBNce9vA1.jpg" data-id="101594" data-url="https://media.thairath.co.th/image/mIQp1V2dAPb9FvBpGfAw5cplxHXxAp1V2CPrQVH8A0s8WNBNce9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">สิ่งที่ทำให้ Law Roach กลายเป็นสไตลิสต์ที่ดังที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่เพียงการหาชุดสวยๆ มาให้ดาราสวมใส่ แต่เขาเรียกตัวเองว่า Image Artchitect คือไม่ได้หาแค่เสื้อผ้าสวยๆ จากแบรนด์เนมดังๆ จากคอลเลกชันล่าสุดมาให้คนดังสวมใส่ในงานพรมแดง แต่ทุกชุด ทุกลุคผ่านกระบวนการคิดและออกแบบและสร้างมันขึ้นมา บางชุดเป็นของส่วนตัวที่เขาเก็บไว้ บางชุดเขาต้องไปเสาะหาว่ามันยังมีอยู่ไหม และต่อรองกับดีไซเนอร์เพื่อจะให้ได้มันมา (อย่างชุดหุ่นยนต์ของ Mugler) บางชุดคือการออกแบบใหม่ให้ดีไซเนอร์ตัดให้ใหม่เพื่อความหมาะสมกับวิชั่นที่เขาวาดเอาไว้ (อย่างชุดของ Ariana Grande) หรือแม้กระทั่งบางชุดก็ต้องพยายามโน้มน้าวคนดังให้ใส่ในแบบที่เขาคิดไว้ เชื่อมั่นในความคิดในวิชั่นของเขาว่ามันจะเกิดแน่ๆ ไม่ดับ ไม่ตายบนพรมแดงแน่ๆ (อย่างชุดของ Hunter Schafer ที่ตอนแรกเธอปฏิเสธไม่กล้าใส่)&nbsp;นอกจากนั้นในทุกๆ การทำงาน เขายังไม่ได้ทำแค่เลือกชุดสวยๆ เท่านั้น แต่ยังทำงานในแบบที่เขาเรียกว่า Method Dressing (ล้อกับคำว่า Method Acting ซึ่งหมายถึงการแสดงที่นักแสดงเป็นตัวละครนั้นๆ จริงๆ) ไปกับสิ่งที่นักแสดงกำลังเป็นอยู่ หรือโปรโมตอยู่ อย่างชุดเดรสใยแมงมุมของ Zendaya ในงานรอบปฐมทัศน์หนังเรื่อง Spiderman No Way Home หลากหลายชุดของ Zendaya ตอนโปรโมตหนังเรื่อง Dune หรือตอนนี้กับชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกีฬาเทนนิสที่ Zendaya ใส่ทุกครั้งในเพรสทัวร์จนกลายเป็นกระแสLaw Roach บอกว่า เขาไม่ได้วัดความสำเร็จของการทำงานในฐานะสไตลิสต์คนดังจากการที่มีคนมาจ้างงานเขามากขึ้น หรือสื่อเขียนถึงเขามากขึ้น แต่วัดจากการที่ลุคนั้นๆ ที่เขาครีเอตขึ้นเพื่อให้ดาราสวมใส่ถูกนำไปใช้เป็นชุดที่คนทั่วไปเริ่มหามาใส่เป็นคอสตูมในวันฮัลโลวีนแล้วหรือยัง เพราะนั่นเป็นมาตรวัดชั้นดีว่าสิ่งที่เขาทำนั้นดังแค่ไหนแล้ว และในฮัลโลวีนที่ผ่านมาๆ เราก็ได้เห็นทั้งชุดซิลเดอเรลล่า ชุดโจน ออฟ อาร์ค หรือแม้กระทั่งยูทูบเบอร์ที่ทำช่องตัดเย็บเสื้อผ้าพยายามจะทำชุดหุ่นยนต์ที่ Zendaya เคยใส่ ซึ่งก็คงพอจะบอกได้ว่าสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมานั้นมันประสบความสำเร็จแล้วหรือยังอ้างอิงhttps://www.chicagomag.com/chicago-magazine/february-2020/law-roach/&nbsp;https://www.cosmopolitan.com/entertainment/celebs/a60269126/zendaya-and-law-roach-friendship-timeline/&nbsp;https://www.youtube.com/watch?v=jpJr68ROzJQ&nbsp;https://notion.online/law-roach-profile/&nbsp;

‘Shibori’ คือศาสตร์การมัดย้อมแบบดั้งเดิมที่เก่าแก่มากกว่าพันปีของเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยคำว่า Shibori นี้หมายถึงการบิด ม้วน และการรัดผ้าแบบทบซ้อนกันด้วยเทคนิคต่างๆ คล้ายกับแนวคิดที่หยิบยืมมาจากการพับกระดาษออริกามิ (Origami) ของญี่ปุ่น จากนั้นก็นำผ้าที่มัดและพับนี้ไปย้อมสีที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติ ก่อนจะคลี่ออกมาพร้อมกับได้ลวดลายสลับซับซ้อนบนผืนผ้า ไม่ว่าจะเป็นรูปสัตว์ ดอกไม้ หรือลวดลายที่ชวนให้นึกถึงการเคลื่อนไหวของสายน้ำ

“ไม่ได้แค่หยิบลายมาใช้ แต่ไปเรียนกับเขาถึงถิ่น” COS กับการบินข้ามโลกจากสวีเดนไปเกียวโต ศึกษาศาสตร์การมัดย้อมแบบ ‘Shibori’ เพื่อหยิบมาสร้างสรรค์ในคอลเลกชันฤดูร้อนปี 2024

จะมีรองเท้าสักกี่คู่ในโลกที่ทุกวันนี้คนก็ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่ามัน ‘สวย’ หรือ ‘น่าเกลียด’ ‘ประหลาด’ หรือ ‘ล้ำ’ กันแน่ และรองเท้า ‘Tabi’ หรือที่หลายคนเรียกมันว่า ‘รองเท้ากีบหมู’ จากแบรนด์ Maison Martin Margiela ก็คือหนึ่งในไอเทมซึ่งเป็นที่ถกเถียงนั้น ไม่ใช่แค่ในโลกแฟชั่น แต่ไม่ว่าใครที่ได้เห็นมัน ต่างบอกคล้ายกันว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่รองเท้าคู่ไหนจะสร้างอารมณ์อันหลากหลายได้ขนาดนี้ ขณะที่บอกคนก็ว่า ใครหลงรักมันแล้วก็รักเลย แต่หากใครไม่ชอบ ก็จะเกลียดมันไปเลยเหมือนกัน

จากถุงเท้าสร้างสมดุลของชาวญี่ปุ่นโบราณ ถึงรองเท้า ‘ทาบิ’ ของ Maison Margiela งานไอคอนิกที่ทั้งขบถ และท้าทาย แนวคิดเรื่องความงามในโลกแฟชั่น จนเป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้

เทรนด์การทำ ‘หูกาง’ หรือที่คนจีนเรียกว่า ‘Elf Ears’ ซึ่งเป็นหนึ่งทริกการยกหน้าให้เรียวและเป๊ะมากขึ้นของหนุ่มสาวชาวจีน โดยไม่ต้องทำอะไรกับหน้า แต่มาทำกับหูแทน เพื่อหลอกตา หลอกองศา ให้หน้าดูเล็กขึ้น

เคล็ดลับหน้าเรียวของหนุ่มสาวชาวจีน ด้วย ‘หูกาง’ กับ ‘Elf Ears’ เทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ หรือศัลยกรรมหูให้ยื่นออกมา เพื่อหลอกตาให้หน้าดูเล็กลง ที่มาแรง
ในจีน และในไทยก็กำลังมา

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Fashion

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

RUNGRAWEE SIRITHAMPHAIBOON

RELATED

HOT TOPICS