งานวิจัยจากสหรัฐอเมริการะบุว่าคนที่นอนดึกตื่นสาย มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าคนที่นอนเร็วตื่นเช้ากว่า 2 เท่า และการเข้านอนเร็วขึ้นและตื่นเร็วขึ้นอีกอย่างน้อย 1 ชั่วโมงอาจช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ถึง 23%

ตื่นเร็วขึ้นช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าได้

เรารู้กันอยู่แล้วว่าการนอนเร็ว-ตื่นเช้านั้นดีต่อสุขภาพมากกว่า แต่หลายคนก็ยังทำไม่ได้ วันนี้เราเลยอยากชวนไปดูประโยชน์อีกสักข้อเผื่อจะช่วยเป็นแรงจูงใจเพิ่มเติมให้ลองปรับพฤติกรรมกันอีกสักหน่อย นั่นก็คือการลดความเสี่ยงเรื่องโรคซึมเศร้านั่นเองงานวิจัยจากสหรัฐอเมริการะบุว่าคนที่นอนดึกตื่นสาย มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าคนที่นอนเร็วตื่นเช้ากว่า 2 เท่า และการเข้านอนเร็วขึ้นและตื่นเร็วขึ้นอีกอย่างน้อย 1 ชั่วโมงอาจช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ถึง 23% งานวิจัยนี้จัดทำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ ร่วมกับนักวิจัยจากสถาบันวิจัยร่วมแห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์และฮาร์วาร์ด โดยศึกษาจาก 85,000 คนที่สวมเครื่องตรวจวัดสุขภาพการนอนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และทำแบบสำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมการนอนกับอีก 250,000 คน ผู้วิจัยยังระบุอีกว่ายิ่งถ้าขยับเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้เร็วขึ้น 2 ชั่วโมง จะช่วยลดความเสี่ยงโรคซึมเศร้าได้ถึง 40% ทีเดียวผลวิจัยยืนยันว่าพฤติกรรมการนอนเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตโดยตรง โดยคนที่นอนเร็ว-ตื่นเช้า จะสามารถจัดการเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนได้ง่ายกว่า เพราะเป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับเวลาของคนทั่วไป และนี่ก็เป็นเรื่องเดียวกับ Social Jetlag ที่เราเคยเขียนถึงไปก่อนหน้านี้ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : <a href="https://www.facebook.com/MirrorThailandOfficial/photos/a.989503927890220/1922286524611951/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">MirrorThailand&nbsp;</a>)แม้จะรู้อย่างนี้แล้ว แต่สำหรับหลายคนในทางปฏิบัติก็ยังยากอยู่ดี และทีมวิจัยก็มีทิปส์ที่อาจช่วยได้ นั่นคือการให้ความสำคัญกับเรื่องแสง โดยเราจะนอนหลับได้ดีขึ้นเมื่อกลางวันของเราสว่าง และกลางคืนมืด ดังนั้นเราควรเปิดรับแสงให้มากขึ้นในตอนกลางวัน อาจเป็นการเปลี่ยนผ้าม่านให้เป็นสีอ่อน หรือเปิดหน้าต่าง เปิดม่านมากขึ้น รวมถึงเวลากลางคืนก็ควรต้องลดแสงสีฟ้าจากหน้าจอลงด้วยและท้ายที่สุด สิ่งสำคัญคือไม่ว่าจะเข้านอนหรือตื่นตอนไหน ที่ลืมไปไม่ได้คือควรต้องพักผ่อนให้เพียงพอ นั่นคือ 7-9 ชั่วโมงต่อคืนนั่นเอง&nbsp;อ้างอิง : <a href="https://www.marthastewart.com/8117674/waking-up-hour-early-reduce-depression-risk" rel="noopener noreferrer" target="_blank">marthastewart</a> , <a href="https://www.today.com/health/don-t-sleep-wake-1-hour-earlier-cut-depression-risk-t221272" rel="noopener noreferrer" target="_blank">today</a> , <a href="https://www.cnbc.com/2021/06/13/waking-up-just-an-hour-earlier-reduces-depression-risk-study.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">cnbc</a>

หลายครั้งที่คนเหงื่อออกเยอะมักจะตกเป็นจำเลยสังคม ถูกตั้งแง่รังเกียจ ทั้งที่จริงแล้วการเหงื่อออกเยอะอาจไม่ได้หมายความว่าคนๆ นั้นไม่อาบน้ำ ไม่ดูแลตัวเองเสมอไป และสามารถอธิบายได้ในทางการแพทย์ว่านี่คือภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ หรือ ‘Hyperhidrosis’ โดยไม่เกี่ยวกับอากาศจะร้อนหรือเย็น

‘เหงื่อเยอะ’ ไม่ได้แปลว่าไม่สะอาดเสมอไป เพราะอาจเกิดจากภาวะ Hyperhidrosis ที่ทำให้เหงื่อออกมากผิดปกติ และอาจบ่งบอกถึงโรคภัยที่ซีเรียสกว่านั้น 

‘การกรีดร้องบำบัด’ ก็อาจเรียกได้ว่าเป็น Therapeutic Emotional Release หรือการเยียวยาเพื่อปลดปล่อยทางอารมณ์วิธีหนึ่งเหมือนกัน

‘Screaming Therapy’ การกรีดร้องบำบัดที่ ตัวช่วยลดความเครียดแบบไวๆ ที่ทำง่ายและทำได้ทันที

การที่นักกีฬาทีมชาติสักคนจะตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันใหญ่ที่สุดอย่างโอลิมปิก ด้วยเหตุผลเพราะ "จิตใจไม่ไหว" อาจเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้นในยุคหนึ่ง แต่หลังการตัดสินใจครั้งใหญ่ของ ซิโมน ไบลส์ (Simone Biles) อะไรๆ อาจเปลี่ยนไป

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Mind

ตื่นเร็วขึ้นช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าได้

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

WANNIPA JUNPUDSA

RELATED

HOT TOPICS