ช่วงเวลาโปรดักทีฟของเราไม่เท่ากัน Social Jetlag หรือการที่นาฬิกาชีวิตเราไม่ตรงกับชาวบ้าน ทำให้ลดประสิทธิภาพการทำงานจริงหรือ 

เข้างาน 8 โมง เลิกงาน 5 โมง เวิร์กจริงมั้ย? 

การตื่นเช้าเพื่อลุกขึ้นมาทำงานสำหรับบางคนก็นับเป็นเรื่องยากสุดๆ และกว่าจะเริ่มโปรดักทีฟจริงๆ ก็ปาเข้าไปเกือบเย็นโน่นแล้ว &nbsp;การที่นาฬิกาชีวิตเราไม่ตรงกับชาวบ้านนี้ มีชื่อเรียกว่า Social Jetlag ที่ทั้งส่งผลต่อสุขภาพกาย-สุขภาพจิต และส่งผลกับประสิทธิภาพการทำงานด้วย ทีนี้เราเองล่ะ กำลังเผชิญกับภาวะ Social Jetlag อยู่หรือเปล่าทิลล์ รอยเนอแบร์ก (Till Roenneberg) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพการนอน แห่งมหาวิทยาลัยลุดวิก แม็กมิลเลียน ประเทศเยอรมนี ผู้ริเริ่มศึกษาเกี่ยวกับ Social Jetlag อย่างจริงจัง มองว่า การใช้นาฬิกาปลุกคือสัญญาณที่บอกว่าเรากำลังฝืนนาฬิกาชีวิตอยู่ เพราะนั่น็หมายถึงเราแทบไม่เคยได้ตื่นตามธรรมชาติของร่างกายเราเลย และเขายังพบว่าคนที่อยู่กับภาวะ Social Jetlag มักจะมีปัญหาเรื่องระบบเผาผลาญ มีแนวโน้มจะสูบบุหรี่ และมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนด้วยการฝืนตัวเองเป็นเวลานานๆ ทำให้สุดท้ายร่างกายก็จะไปโหยหาวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สามารถนอนดึกและตื่นสายได้ แต่ศาสตราจารย์รอยเนอแบร์กก็ไม่ได้มองว่าช่วงเวลานอนในวันหยุดของเราจะเป็นเวลาชีวิตที่แท้จริง เพราะมันเป็นการลากยาวทุกอย่างออกไปเพื่อชดเชยความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมาเสียมากกว่า ดังนั้น เราเลยอาจไม่สามารถเจอเวลาโปรดักทีฟที่แท้จริงได้ ตราบใดที่ยังมีวันธรรมดาที่ต้องฝืนตัวเองอยู่นี่เลยเป็นสิ่งที่หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญ เช่นในปี 2019 รัฐแคลิฟอร์เนียกำหนดให้เปลี่ยนเวลาเข้าเรียนของเด็กไฮสคูลเป็น 8.30 น. จากเดิมที่ 8.00 น. เพื่อให้เด็กได้ขยายเวลานอนออกไปอีกหน่อยและพร้อมสำหรับการเรียนช่วงเช้ามากขึ้นและจากการทดลองเมื่อปี 2009 ของ Cisco บริษัทไอทีชื่อดังในอเมริกา ที่ให้พนักงานกำหนดตารางการทำงานที่เหมาะสมของตนเองได้ ปรากฎว่าพนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำรายได้ให้บริษัทได้ดีกว่าตอนที่มีการกำหนดเวลาเข้า - ออกงาน ในรูปแบบมาตรฐานเดียวกันทั้งบริษัท &nbsp;ทั้งยังมีงานวิจัยจากปี 2015 ที่ช่วยยืนยันอีกว่าคนที่สามารถจัดตารางเวลาทำงานของตัวเองได้ มีสุขภาพการนอนที่ดีกว่าและไม่ได้ทำงานน้อยลงด้วยอย่างไรก็ตามในช่วง work from home นี้ ดูเหมือนหลายคนก็ได้จัดการเวลาชีวิตตัวเองใหม่ไปแล้วโดยปริยาย ซึ่งอาจทำให้ Social Jetlag กันน้อยลง หรือไม่ก็ยิ่งหนักขึ้นสำหรับกรณีที่จัดการไม่ได้ ยังไงเราก็เชียร์ให้ลองหาเวลาที่เหมาะสมกับตัวเองดูนะ จะได้เซฟทั้งสุขภาพกาย-สุขภาพจิต และคุณภาพงานไปพร้อมๆ กัน

นับตั้งแต่เปิดตัวในฐานะภรรยาของคานเย เรายังไม่ค่อยได้เห็นภาพของเบียนกาที่มีใบหน้ายิ้มแย้มเท่าไรนัก ในบางคลิปวิดีโอเธอดูเหมือนคนที่กำลังอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด ภาษากายที่สื่อออกมาดูคล้ายไม่ได้แฮปปี้กับสิ่งที่ต้องทำ และเราก็แทบไม่เคยได้ยินเสียงของเธอเลยด้วยซ้ำ

อีกด้านของการคบกับ “คนมีอำนาจ” จากเรื่องราวของ Bianca Censori ที่ต้องถูกจดจำในฐานะ “เมียใหม่ที่โดน Kanye West จับแต่งตัวโป๊”

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า ‘Imposter Syndrome’ หรือภาวะของคนที่ชอบคิดว่าตัวเองไม่เก่งกันมาก่อนหน้านี้ แต่ Imposter Syndrome ยังอาจกล่าวได้ว่ามีอะไรมากกว่าการคิดว่าตัวเองไม่เก่งหรือไม่ดีพอ นั่นคือภาวะที่ทำให้เกิดความรู้สึกสงสัย เกิดการตั้งคำถามในคุณค่าของตัวเอง จนท้ายที่สุดอาจนำมาสู่ความรู้สึก ‘ว่างเปล่า’ คล้ายกับว่าเราทำตัวตนหล่นหายได้เลยทีเดียว 

รู้จัก 5 รูปแบบของมนุษย์ที่เสี่ยงต่อภาวะ  Imposter Syndrome ที่ชอบคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพและสุขภาพจิตได้ในระยะยาว 

‘การกรีดร้องบำบัด’ ก็อาจเรียกได้ว่าเป็น Therapeutic Emotional Release หรือการเยียวยาเพื่อปลดปล่อยทางอารมณ์วิธีหนึ่งเหมือนกัน

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Health

เข้างาน 8 โมง เลิกงาน 5 โมง เวิร์กจริงมั้ย?

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

KIMBEEL

RELATED

HOT TOPICS