นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในการยกระดับสวัสดิการและสิทธิของแรงงานหญิงไทย หลังวุฒิสภาลงมติเอกฉันทร์ให้ผ่านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน โดยเพิ่มสิทธิลาคลอดจาก 90 วัน เป็น 120 วัน โดยให้ค่าจ้างเท่าเดิมตลอดระยะเวลาที่ลา พร้อมสิทธิลาต่อเนื่องเพื่อดูแลบุตรที่เจ็บป่วย และสิทธิลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสที่คลอดบุตร

วุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานแล้ว! ขยายวันลาคลอดจาก 90 เป็น 120 วัน โดยได้รับค่าจ้างเท่าเดิมตลอดระยะวันลา และลาเพิ่มได้อีก 15 วัน หากลูกป่วยหรือพิการด้านคู่สมรสก็ได้รับสิทธิลาเพิ่มด้วย

หลังจากเครือข่ายแรงงาน เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเด็กและสตรี พรรคการเมือง องค์กรประชาสังคมต่างๆ รวมถึงภาคประชาชน ร่วมกันผลักดันนโยบาย ‘การเพิ่มสิทธิประโยชน์การขยายวันลาคลอด และการคุ้มครองลูกจ้างภาครัฐ’ มาอย่างจริงจังตลอดหลายสิบปี เนื่องจากหลักสากลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุให้ลาคลอดอย่างน้อย 180 วัน เพื่อประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กและสุขภาพแม่ ซึ่งที่ผ่านมากฎหมายไทยยังกำหนดวันลาคลอดต่ำกว่ามาตรฐานดังกล่าวล่าสุด สำนักข่าว Hfocus รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเรื่อง การขยายสิทธิลาคลอดจาก 90 วัน เป็น 120 วัน โดยให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างหญิงมีครรภ์ในวันลาคลอด เท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกิน 60 วัน โดยที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ &nbsp;‘เห็นชอบ’ 125 เสียง ‘งดออกเสียง’ 5 เสียง และ ‘ไม่ลงคะแนนเสียง’ อีก 1 เสียง นับว่าเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในการยกระดับสวัสดิการและสิทธิของแรงงานหญิงไทยอีกทั้ง ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังมีสาระสำคัญอีก 3 ประการ นั่นคือ การให้ ‘สิทธิลาต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงดูบุตร’ ได้อีกไม่เกิน 15 วัน กรณีบุตรมีภาวะเจ็บป่วย ความพิการ หรือเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน โดยนายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างที่ใช้สิทธิดังกล่าวในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างสำหรับวันที่ลา ขณะเดียวกันก็เพิ่ม ‘สิทธิลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสที่คลอดบุตร’ ได้ไม่เกิน 15 วัน โดยได้รับค่าจ้างจากนายจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลาพร้อมทั้งขยายขอบเขตการใช้บังคับกฎหมายแรงงาน โดยระบุว่า บุคคลธรรมดาที่ทำงานในลักษณะจ้างเหมาบริการให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐ จะต้องได้รับค่าตอบแทนในการทำงาน รวมถึงมีวันหยุด วันลา วันและเวลาทำงาน เวลาพักได้ไม่น้อยกว่าที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ภาครัฐรับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน และให้ความสำคัญกับสิทธิแรงงาน จึงนำมาปรับปรุงพัฒนากฎหมายคุ้มครองแรงงานให้ครอบคลุมและเท่าเทียมมากขึ้น เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของเหล่าแรงงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศกระบวนการถัดจากนี้ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป หากร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว ก็ต้องรอดูว่า การประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะเป็นอย่างไรอ้างอิง<a href="https://www.hfocus.org/content/2025/09/35282" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.hfocus.org/content/2025/09/35282</a>&nbsp;<a href="https://www.matichon.co.th/politics/news_5368940" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.matichon.co.th/politics/news_5368940</a>&nbsp;

ดูเหมือนว่าการเมืองในสหรัฐฯ จะยิ่งปะทุรุนแรงขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่ข่าวใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่ออินฟลูเอนเซอร์และนักเคลื่อนไหวฝ่ายอนุรักษ์นิยม Charlie Kirk วัย 31 ปี ถูกลอบสังหารจากระยะไกลด้วยปืนไรเฟิล และทำให้เขาล้มลงจากเก้าอี้กลางเวทีเสียชีวิตทันทีระหว่างกำลังทำการปฐกฐา ณ มหาวิทยาลัย Utah Valley ในรัฐยูทาห์ ต่อหน้าต่อตานักศึกษามากกว่า 3,000 คนที่มาร่วมฟังวาทะของเขา

“No One Mourns the Wicked” จากเพลง สู่วาทกรรม หลังการลอบสังหารนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาชาวอเมริกัน Charlie Kirk ที่อาจทำให้การเมืองสหรัฐฯ และการเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามยิ่งขยายความรุนแรงในหมู่ประชาชน

ในเทศกาลหนังเมืองเวนิส (Venice film festival) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หนังเรื่อง The Voice of Hind Rajab ได้รับเสียงปรบมือนานกว่า 23 นาที หลังจบการฉายรอบปฐมทัศน์ ซึ่งนับเป็นการ Standing Ovation ที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ 

The Voice of Hind Rajab หนังกึ่งสารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวของ Hind Rajab เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ผู้ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในกาซาได้รับเสียงปรบมือยาวนานสุดในประวัติศาสตร์เทศกาลหนังเมืองเวนิส 

สส.หมิว โดนเรียกว่า “อีซึมเศร้า” / สส.ธัญ โดนเรียกว่า “อีกะเทย” สส.ไหม โดนพูดว่า “ไปแก้ผ้าให้พี่หนูแล้ว" และ แพทองธาร โดนเรียกว่า กะหรี่ ฬ่าน และโดนไล่ไปเลี้ยงลูก แน่นอนว่านักการเมืองควรจะถูกตรวจสอบ และถูกวิพากษ์วิจารณ์การทำงานจากประชาชนได้เสมอ ถึงอย่างนั้น ในบางคำวิจารณ์ก็น่าเก็บมาคิดว่า มันเหมาะแล้วหรือไม่ ที่จะถูกใช้มาเหยียดหยามคนอื่น 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

จุฬาลักษณ์ เดชะ

RELATED

HOT TOPICS