เมื่อไม่นานมานี้ ‘พั้นรักแมว’ ได้เปิดตัวแฟนหนุ่ม ทำให้ผู้ชมต่างพากันแสดงความคิดเห็นว่า “อกหักกันทั้งประเทศ” ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีคอมเมนต์คุกคามทางเพศ และส่อถึงเรื่องเซ็กซ์จำนวนมาก เช่น “ไอหนุ่มนั่นคง”, “ขอทีเดียว”, “คบมา 2 ปีจะเหลือไหมน้อ” และคำพูดรุนแรงอีกมากมาย

โดนคุกคามเพียงเพราะเปิดตัวแฟน เมื่อผู้คนบางส่วนยังมองผู้หญิงเป็น ‘วัตถุทางเพศ’ กรณี ‘พั้นรักแมว’ อินฟลูเอนเซอร์ขวัญใจชายไทยได้รับคอมเมนต์ส่อถึงเรื่องเพศ หลังเปิดเผยว่ามีแฟน

หากพูดถึงอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในยุคนี้ เชื่อว่า ‘พั้นรักแมว’ หรือ ‘พั้น - พันธิตา บุญชวน’ คงเป็นหนึ่งในชื่อที่หลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยรูปร่างหน้าตา บุคลิกภาพ เสน่ห์เฉพาะตัว ความสามารถ หรือผลงานต่างๆ ทำให้เธอกลายเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน ขณะที่บางส่วนยังมองว่า เธอมีความเป็น Girlfriend Material จนได้รับฉายาขวัญใจชายไทยไปโดยปริยายเมื่อไม่นานมานี้ ‘พั้นรักแมว’ ได้เปิดตัวแฟนหนุ่ม ผ่านการเผยแพร่คลิปวิดีโอคอนเทนต์คู่ทางสตอรี่อินสตาแกรมส่วนตัวของตนเอง ทำให้ผู้ชมต่างพากันแสดงความคิดเห็นว่า “อกหักกันทั้งประเทศ” ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีคอมเมนต์คุกคามทางเพศ และส่อถึงเรื่องเซ็กซ์จำนวนมาก เช่น “ไอหนุ่มนั่นคง”, “ขอทีเดียว”, “แตกแล้วแตกอีก”, “ผลิตน้ำไม่ทัน”, “รุ่นนี้ไม่ต้องล้าง”, “คบมา 2 ปีจะเหลือไหมน้อ” และคำพูดรุนแรงอีกมากมาย ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติ และอาจสร้างความไม่สบายใจให้แก่พั้นรักแมวในฐานะมนุษย์คนหนึ่งคำพูดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยบางส่วนยังมองว่า ‘ผู้หญิง’ เป็นเพียงวัตถุทางเพศ (Sex Object) เพื่อสนองความต้องการหรือจินตนาการบางอย่างของชาวเน็ตโดยเฉพาะผู้ชาย ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น แต่ยังมีองค์ประกอบและมิติอื่นๆ อีกมากหากพิจารณาในบริบทเดียวกัน จะเห็นได้ว่า เมื่อคนดังชายเปิดตัวแฟนสาว มักได้รับคำชื่นชมว่าเป็นผู้ชายแมนๆ ที่ให้เกียรติคนรัก แต่ในทางกลับกัน เมื่อเป็นกรณีของคนดังหญิง พวกเธอกลับถูกตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหาย รวมถึงได้รับคอมเมนต์เชิงคุกคามทางเพศ โดยที่เราไม่มีวันรู้ว่า คนดังแต่ละคนมีภูมิคุ้มกันทางใจมากน้อยแค่ไหน หรือสามารถแบกรับความรุนแรงจากถ้อยคำเหล่านั้นได้นานเพียงใดพั้นรักแมวเป็นเพียงหนึ่งในคนที่ต้องเผชิญกับความรุนแรงทางเพศรูปแบบนี้ เพราะที่ผ่านมา ยังมีผู้หญิงอีกจำนวนไม่น้อยในวงการบันเทิงที่ถูกคุกคามจากผู้ที่เรียกตัวเองว่า ‘แฟนคลับ’ ซึ่งบางส่วนมองพวกเธอเป็นเพียง ‘วัตถุทางเพศ’ โดยให้คุณค่ากับเรื่องการมีแฟนมากกว่าความสามารถหรือคุณภาพในการทำงาน ทั้งที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทบาทศิลปินไอดอลเลย อาทิ กรณีของสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง BNK48 ที่เคยถูกตั้งคำถามและตัดสินจากเรื่องส่วนตัวในลักษณะเดียวกันในปัจจุบัน บุคคลผู้มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่งอาจออกมาเปิดเผยและแบ่งปันประสบการณ์ด้านเซ็กซ์ของตนเอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเปิดกว้างในการพูดถึงเรื่องเพศในที่สาธารณะ ทว่า ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ ‘ความยินยอม’ (Consent) จากเจ้าตัว ซึ่งแตกต่างจากกรณีของพั้นรักแมวที่เพียงแค่ต้องการเปิดตัวคนรัก แต่ไม่ได้ยินยอมให้ผู้อื่นกล่าวถึงเรื่องส่วนตัวในแง่มุมนั้นแทนเธออย่างไม่มีขอบเขตแม้อินฟลูเอนเซอร์หญิงจะเป็นบุคคลสาธารณะที่อยู่ในพื้นที่สื่อ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่คนอื่นจะสามารถแสดงความคิดเห็น ใช้คำพูด หรือกล่าวถึงเธออย่างไรก็ได้ และต่อให้เธอจะเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เธอก็ไม่สมควรต้องพบเจอเหตุการณ์แบบนี้เช่นกันอ้างอิง<a href="https://www.facebook.com/share/p/15UxxspmUn/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.facebook.com/share/p/15UxxspmUn/</a>&nbsp;

ด้วยวัยที่ห่างกันเกือบ 10 ปี และเริ่มต้นความสัมพันธ์ตั้งแต่เขาอายุ 17 ทำให้หลายคนไม่เห็นด้วยกับเธอในทันที เนื่องจากเข้าข่าย Child Grooming และที่สำคัญคือผิดกฎหมายพรากผู้เยาว์ ที่สำคัญคือการเรียกร้องให้เขารับผิดชอบเด็กในท้องที่ทั้งที่ยังเป็นผู้เยาว์คือความรุนแรงอย่างหนึ่ง

การปล่อยให้ตัวเองท้องกับผู้เยาว์ อีกหนึ่งความรุนแรงต่อเด็ก ในนามความรัก
กรณีหญิงวัย 27 ปีที่ตั้งครรภ์กับเด็กวัย 18 และเรียกร้องให้เขารับผิดชอบ

ผู้หญิงข้ามเพศหลายชีวิตออกมาเปิดเผยถึงเหตุการณ์การโดนเชิญออกจากห้องสอบเพื่อยุติการสอบใบประกอบวิชาชีพครู เพียงเพราะพวกเธอใส่กระโปรงตามเพศสภาพที่เป็นหญิงแล้ว แต่ไม่ตรงเพศกำเนิด และไม่ถูกใจคุรุสภา (?)

ล้าหลังส่งท้ายเดือนไพรด์ กรณี ผู้หญิงข้ามเพศและผู้หญิง ถูกยุติการสอบใบวิชาชีพครู เพราะแต่งตัวไม่ตรงเพศกำเนิด ภาพสะท้อนความคิดเก่าๆ ของหน่วยงานราชการที่ยังตัดสินความสามารถคนด้วย ‘เครื่องแต่งกาย’ และ ‘เพศ’

ที่ผ่านมา เราพบเห็นข่าวทอมโดนผู้ชายทำร้ายและใช้ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ซึ่งกลายเป็นเหยื่อที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจำนวนมาก จึงอาจกล่าวได้ว่าเหตุการณ์ผู้ชายทำร้ายทอมคือปัญหาอคติทางเพศที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ซึ่งไม่เคยได้รับการแก้ไข หรือคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชนอย่างจริงจัง ทำให้ยังคงมีเหยื่อความรุนแรงเกิดขึ้นในลักษณะที่คล้ายคลึงกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

‘ท้าต่อยทอม’ ไม่ใช่บทพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชาย แต่คือเหตุการใช้ความรุนแรงที่ยอมรับไม่ได้ และปัญหาอคติทางเพศที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ซึ่งไม่ควรถูกมองเป็นเรื่องปกติ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

จุฬาลักษณ์ เดชะ

RELATED

HOT TOPICS