บิว-จักรพันธ์ พุทธา ทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาวมาเป็นระยะเวลา 2 ปี

ความรุนแรงต่อคนรักไม่อาจเป็นความรัก กรณีนักแสดงซีรีส์วายทำร้ายร่างกายแฟนสาว และย้ำว่า ‘อยากฆ่า’ ซึ่งอาจเข้าข่ายซาดิสต์

ตำแหน่ง ‘แฟน’ หรือคนรัก ไม่ได้การันตีความดีเลิศตลอดความสัมพันธ์ และบางครั้งความสัมพันธ์ก็ไม่แน่ไม่นอน เราคอนโทรลไม่ได้ว่า คนที่เลือกมาเป็นแฟน จะหวังดีต่อกันไปตลอดรอดฝั่ง หรือวันหนึ่งอาจพลิกเป็นอีกคน เผยธาตุแท้ เผยตัวตน และทำให้เราตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ไม่ว่าจะทำร้ายจิตใจ หรือทำร้ายร่างกาย ไปจนถึงการ ‘ฆ่า’ หรือความคิด ‘อยากฆ่า’ แฟนตัวเอง ซึ่งจริงๆ มันดูจะเข้าข่ายอาการทางจิตไปแล้ว และเรากำลังพูดถึงเรื่องของนักแสดงชายไทย ที่ทำร้ายร่างกายแฟนอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังยอมรับว่าอยากฆ่าแฟนตัวเอง จากกรณีนักแสดงซีรีส์วาย บิว-จักรพันธ์ พุทธา ที่โด่งดังจากการเล่นซีรีส์วายเรื่อง KinnPorsche The Series (คินน์พอร์ช เดอะ ซีรีส์) ซึ่งถูกอดีตแฟนสาว ปอย-พรรธน์ชญมน ธีวสุเจริญ นักเขียนเจ้าของนิยายต้นฉบับคินน์พอร์ช ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง และเรียกร้องความเป็นธรรมบนทวิตเตอร์ส่วนตัว @zpoimy_zpoimy ว่าตนถูกบิวทำร้ายร่างกายมาเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยเธอได้แนบหลักฐานทั้งแชตที่พิมพ์คุยกับนักแสดงหนุ่ม พร้อมภาพถ่ายรอยช้ำตามตัวของเธอที่ส่งให้นักแสดงหนุ่มดู โดยเนื้อความหนึ่งในแชตที่เรารู้สึกว่าเป็นสัญญาณที่น่ากลัวเลยทีเดียว ได้แก่ ปอย : เหมือนสนามอารมณ์เลย -3- บิว : เพิ่งรู้หรอ ปอย : ทำไมอ่ะ ต้องรู้หรอ บิว : ทุกครั้งที่ต่อย กูต่อยจริงนะ55555 อยากฆ่า ปอย : แล้วรักมั้ย ถ้ารักด้วยเกลียดด้วย ก็โอเค บิว : อยากฆ่ามากกว่า ปอย : กด 1 รัก กด 2 ไม่รัก บิว : อยากฆ่ากด 3 นอกจากนี้ ภายในแชตที่เหยื่อส่งรูปรอยช้ำที่บวมเป็นก้อนบริเวณแขนให้บิวดู พร้อมข้อความว่า “มันน่ากลัวมากบิว ป๊าจะพากูไปหาหมอเนี่ย” แล้วฝ่ายชายตอบกลับมาว่า “55555 หาหมอทำไม เดะก็หายย” ทำให้เห็นว่าฝ่ายชายไม่ได้รู้สึกรู้สากับการทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงเลยแม้แต่น้อย และยังมองบาดแผลของฝ่ายหญิง หรือการทำร้ายเพราะ ‘อยากฆ่า’ เป็นเรื่องโจ๊กขำๆ ที่ทำให้ตัวเองมีความสุข ซึ่งพฤติกรรมนี้มองได้ว่าตรงกับพฤติกรรมของคนที่เป็นซาดิสต์ (Sadist) บทความหนึ่งของเว็บไซต์พบแพทย์ (PobPad) ที่เป็นคลังข้อมูลด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือโดยแพทย์ชาวไทย ระบุว่า Sadist คือ คนที่รู้สึกพึงพอใจ เมื่อได้เห็นคนอื่นเกิดความเจ็บปวดทั้งทางร่างกาย ทางเพศ หรือทางจิตใจ เช่น การทุบตี การล่วงละเมิดทางเพศ การด่าทอดูถูกเหยียดหยาม และการลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ ซึ่งคนที่เป็นซาดิสต์อาจเป็นคนที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดนั้นด้วยตนเอง เป็นคนสั่งการ หรือเป็นผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดนั้นๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งความน่ากลัวของคนที่เป็นซาดิสต์คือการที่พวกเขา ‘จงใจ’ ทำร้ายคนอื่น เพียงเพราะอยากทำ หรือรู้สึกว่าทำได้ และรู้สึกดีเมื่อได้ทำร้าย หรือเห็นคนอื่นถูกทำร้าย และหากแยกย่อยประเภทของซาดิสต์ออกมาให้ดูจะเข้าเค้าของเรื่องความสัมพันธ์ มันก็อาจจะไปตรงกับ Sexual Sadism Disorder หรือ โรคพฤติกรรมทางเพศบกพร่องรูปแบบหนึ่งที่มีความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยผู้ที่เป็นโรคนี้จะเกิดอารมณ์ทางเพศเมื่อได้เห็นหรือได้ทำร้ายร่างกาย ดูถูกเหยียดหยาม หรือทำให้อีกฝ่ายเกิดความกลัว รวมไปถึงพฤติกรรมอื่นที่ทำให้เจ็บปวดทั้งทางร่างกาย จิตใจ และลดทอนความเป็นมนุษย์ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยินยอม หรือ ‘ไม่ยินยอม’ ก็ตาม ขอ ป.ล. ไว้นิดหนึ่งว่าหากเกิดจากความยินยอม มันอาจจะกลายเป็นรสนิยมทางเพศแบบ BDSM แต่สุดท้ายก็ต้องยินยอมกันจริงๆ ไม่ใช่การถูกหว่านล้อมให้ยินยอม อย่างในกรณีบิวจะเห็นได้ว่า ฝ่ายหญิงพยายามจะทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษนี้ ทั้งประโยค “แล้วรักมั้ย ถ้ารักด้วยเกลียดด้วย ก็โอเค” นั่นหมายถึงว่าเธอยอม เพราะเธอรัก และยังมีเนื้อหาแชตเพิ่มเติมที่เธอพิมพ์กับนักแสดงหนุ่มว่า “กูยอมโดนมึงต่อยเลยอ่ะ จริงๆ เทออย่ามีคนอื่นนะ” ก่อนฝ่ายชายจะตอบกลับมาว่า “อย่างี่เง่า” ซึ่งก็พอจะตอบได้ว่านี่ไม่ใช่ความยินยอมพร้อมใจที่จะโดนทำร้าย 100% แน่ๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ยินเรื่องการใช้ความรุนแรงกับคนรักจนถึงขั้นเอาชีวิต อย่างข่าวของนักแสดงซีรีส์วายที่ฆ่าแฟนสาวเสียชีวิตอย่าง ทอยทอย-ธนภัทร ชนะกุลพิศาล ซึ่งเมื่อปี 2564 เขาได้ใช้อาวุธมีดปลายแหลมยาวประมาณ 6 นิ้ว แทงแฟนสาว ที่บริเวณหน้าอกหลายครั้ง จนเธอเสียชีวิตลง สิ่งที่ฉายภาพเหตุการณ์เดิมซ้ำของสองกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องความรุนแรงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงท่าทีของแฟนคลับบางส่วน ที่ยังแห่แหนให้กำลังใจ แม้เรื่องมันจะร้ายแรงมากก็ตาม อย่างกรณีทอยทอย แม้เขาจะเข้าคุกไปแล้ว ก็ยังมีแฟนคลับบางส่วน ส่งกำลังใจ รอวันที่เขาออกจากคุกกลับมาในวงการ ซึ่งเป็นตรรกะที่ค่อนข้างแปลกประหลาดมากพอสมควร หรือกรณีบิวเอง ก็มีแฟนคลับบางส่วนบอกว่า การทำร้ายร่างกายกันเป็นเรื่องส่วนตัวของแฟน หรือผัวเมีย คนนอกไม่ควรยุ่ง ซึ่งก็ดูจะเป็นการ normalize ความรุนแรงไปอีก ยังมีบางส่วนบอกอีกว่า ถึงแม้ฝ่ายชายจะผิดจริง แต่ก็จะยังโอบกอด และไม่ทิ้งฝ่ายชายไปไหน มันก็สามารถสะท้อนความบ้าคลั่งของแฟนคลับที่มีต่อนักแสดงชายคนนี้ หรือกับนักแสดงคนอื่นๆ ที่ล้มกี่ทีก็ยังมีคนซัพพอร์ต เพราะจริงๆ ก่อนเรื่องทำร้ายร่างกายจะแดง ก่อนหน้านี้ตัวบิวเองก็เคยมีประเด็นโดนขุดว่าเคยมีพฤติกรรมเหยียดเพศ เบลมเหยื่อคดีข่มขืน และ sexual harassment มาแล้ว แต่ก็ยังได้รับโอกาสมากมายเหมือนเดิม ที่น่าเห็นใจมากที่สุดในครั้งนี้คงเป็นฝ่ายผู้ถูกกระทำ ที่ต้องออกมากางหลักฐานอย่างแน่นหนา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยังพิมพ์ขอโทษซ้ำไปซ้ำมาที่ต้องออกมาพูดความจริง ซึ่งจริงๆ แล้วเธอไม่จำเป็นต้องขอโทษที่ออกมาพูดความจริงด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างที่บอกว่า เมื่อพลังของแฟนคลับบางส่วนที่ยังมีการเบลมเหยื่อยังลอยวนอยู่แบบนี้ ก็ไม่แปลกที่เหยื่อหลายคนต้องเผชิญแรงกดดันมากมายทุกครั้งที่เรียกร้องความยุติธรรม ท้ายที่สุด ฝ่ายหญิงได้รวบรวมหลักฐาน พยานบุคคล เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป เพราะนอกจากจะมีเรื่องทำร้ายร่างกายแล้วยังมีเรื่องของประเด็นการคบซ้อน เรื่องเงิน หรือของใช้ ที่เข้ามาเอี่ยวอีกด้วย ซึ่งก็คงต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป และขอให้เธอได้รับความยุติธรรมในเร็ววัน อ้างอิง: <a href="https://twitter.com/zpoimy_zpoimy/status/1616984687095975943" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://twitter.com/zpoimy_zpoimy/status/1616984687095975943</a> <a href="https://www.thairath.co.th/news/crime/2233260" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.thairath.co.th/news/crime/2233260</a> <a href="http://bit.ly/3ZUfpoz" rel="noopener noreferrer" target="_blank">http://bit.ly/3ZUfpoz</a> &nbsp;

นับเป็นสกู๊ปข่าวที่น่าสะท้อนใจเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามและความรุนแรงทางการเมือง ที่พรากเอาโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขไปจากประชาชน และผู้หญิงก็เป็นอีกกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

The New York Times เผย สงครามและการยึดอำนาจในเมียนมา ผลักให้แพทย์หญิงและพยาบาล ต้องขายบริการทางเพศ

Hemmaflickvän หรือ Soft Girl คำนิยามล่าสุดของสาวสวีเดน ที่เคยเป็นสาวทำงานแต่วันหนึ่งก็ ‘เลือก’ ลาออกจากงาน เพื่อมาอยู่บ้านดูแลแฟนและให้แฟนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายแทน

ปรากฏการณ์ Hemmaflickvän หรือ Soft Girl ของสาวๆ สวีเดน ที่เบิร์นเอาต์จน ‘ลาออก’ มาเป็น ‘แฟนสาว’ ให้แฟนเลี้ยง ที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าก้าวหน้า หรือกลับสู่ค่านิยมเดิม

เธอคือนางแบบผู้รับประทาน ‘จู๋’ เป็นอาหารเช้าก่อนมาเดินสับบนรันเวย์ Victoria’s Secret เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และแน่นอนว่าเธอแค่ตั้งใจเล่นมุก เพราะความติดตลกคืออาวุธลับของเธออยู่แล้ว 

“จริตและเอเนอร์จี้ของฉันน่ะ 
มาจากพี่สาวทรานส์คนดำล้วนๆ เลยค่ะ”
เติมไฟความมั่นและความมันไปกับ Alex Consaniนางแบบทรานส์ดาวรุ่ง ที่หลงรักจริตคนดำเข้าเส้น

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS