ถ้าเป็นประเทศเจริญแล้ว เรื่องโนบรา จนถึง free the nipples เป็นเรื่องปกติมาก

มายาคติเรื่อง “หัวนมชี้หน้า” ต้องโทษที่คนไม่ใส่บรา หรือที่สายตาคนมอง?

เมื่อต้องเวิร์กฟรอมโฮมกันมาอย่างยาวนาน หลายคนน่าจะเริ่มหลงรักความสบายของการไม่ใส่บราอยู่บ้านไปเสียแล้ว แต่พอต้องออกจากบ้านเท่านั้น บางคนกลับเริ่มลังเล ไม่ว่าจะเพราะเขินอาย ยังไม่ชิน หรือกลัวว่าหัวนมตัวเองจะไปชี้หน้าใครต่อใคร แม้แต่การโนบราไปรับพัสดุที่หน้าบ้าน ก็ยังไม่วายถูกหยิบไปวิพากษ์วิจารณ์ และหลายความคิดเห็นก็กล่าวโทษไปที่เจ้าของร่างกายว่า ‘ไม่เซฟตัวเอง’ และเมื่อมันคือร่างกายของเรา ทำไมเราต้องกังวลเรื่องนี้ด้วย?ถ้าเป็นในประเทศที่เจริญก้าวหน้าด้านการศึกษา การรณรงค์เรื่องโนบราจนถึง free the nipples นั้นเป็นเรื่องปกติมาก ทั้งยังเป็นเสียงที่ผู้คนรับฟังมากขึ้นจนเข้าไปอยู่ในกระแสหลักเรียบร้อยแล้ว ยิ่งเมื่อมันดำเนินไปพร้อมๆ กับเทรนด์ของเซเลบริตี้ทั้งหลาย แนวคิดนี้ก็ยิ่งทรงพลัง และนับว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้สังคมเปิดกว้างกับสิทธิเสรีภาพในร่างกายผู้คนมากขึ้นแต่สำหรับบ้านเรา คงต้องยอมรับว่ายังมีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้กันน้อยมาก ผู้คนก็ยังเปิดรับค่อนข้างช้า ปัญหาหลักๆ อาจเป็นเพราะหลายคนเติบโตมากับความคิดฝังหัวที่ว่า หัวนม (เฉพาะของเพศหญิงเสียด้วย) เป็นของสงวน —แถมยังสงวนไว้สำหรับเป็นเครื่องปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศเท่านั้นอีกต่างหากหลายคนเมื่อมองเห็นหัวนมของผู้หญิงจึงนึกถึงเรื่องเซ็กซ์โดยอัตโนมัติ และนั่นก็เป็นหน้าที่ของผู้นึกคิดเองหรือเปล่า? ที่ควรต้องรู้เท่าทันและจัดการความนึกคิดของตัวเอง และแม้อารมณ์ทางเพศจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่การควบคุมมันก็เป็นบทบาทหน้าที่ในฐานะมนุษย์ร่วมสังคมโลกไม่ใช่หรือ?หรือสำหรับคนที่ไม่ได้นึกถึงเรื่องเซ็กซ์เสียทีเดียว แต่เมื่อมองเห็นหัวนมผู้หญิงก็รู้สึกถูกคุกคามเพราะถูกเครื่องเพศชี้หน้า หรือมองว่าเป็นเรื่องของ ‘ผู้หญิงไม่ดี’ นั่นก็ดูจะเป็นสิ่งที่ใครคนนั้นควรต้องจัดการกับทัศนคติของตัวเองเช่นกัน ไม่ใช่การผลักภาระให้เจ้าของร่างกายต้องคอยมากังวลกับการปกปิดอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งของตัวเองเพื่อความสบายใจของคนอื่น&nbsp;แล้วทำไมบางคนต้องจริงจังกับการโนบรามากมายเหลือเกิน?&nbsp;ประโยชน์ขั้นพื้นฐานที่สุดของการไม่สวมใส่บราคือความสบายตัว ไม่ต้องรู้สึกมีอะไรมารัดร่างกายให้หายใจลำบากหรือรู้สึกรำคาญ ยิ่งกว่านั้นเลือดยังไหลเวียนได้สะดวกกว่า และมีหลายคนที่ยืนยันแล้วว่ามันไม่ได้ส่งผลกับรูปทรงหน้าอกแต่อย่างใด และที่สำคัญที่สุด เราคงต้องย้ำกันอีกครั้งว่าทางเลือกในการแต่งตัวหรือการจัดการร่างกายตัวเองแบบไหนๆ ก็เป็นสิทธิของเจ้าของร่างกายล้วนๆ&nbsp;ดังนั้นอย่าเดือดร้อนแทนกัน และหันไปจัดการทัศนคติของตัวเอง น่าจะช่วยขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวหน้าได้อีกเยอะเลยภาพ : MEGA / Getty Images.ปล. สาวหน้าอกใหญ่ก็สามารถโนบราได้ ถ้าเลือกมองอย่างเคารพตัวเอง อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอคนนี้ได้<a href="https://www.facebook.com/989493931224553/posts/1928434593997144/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">ที่นี่</a>&nbsp;

ด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ที่ชัดเจนและพลังแรงในเกาหลีใต้ ทำให้ผู้หญิงสาวหลายคนในประเทศพากันใช้ชีวิตตามวิถี 4 No หรือ 4B Movement ที่เป็นการหันหลังให้กับบทบาทของเพศหญิงตามแบบที่สังคมกำหนด ซึ่งก็ได้แก่ ‘biyeonae’ (ไม่ออกเดต) ‘bisekseu’ (ไม่มีเซ็กซ์) ‘bihon’ (ไม่แต่งงาน) และ ‘bichulsan’ (ไม่มีลูก) แต่ล่าสุดนี้ ดูเหมือนสาวอเมริกันก็เริ่มจะหันเข้าสู่วิถี 4B กันบ้างแล้ว หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณของการก้าวถอยหลังเรื่องสิทธิสตรีไปโดยปริยาย


ผู้หญิงอเมริกันเริ่มคิดเรื่อง 4 No ตามแบบสาวเกาหลีใต้ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง  ไม่ออกเดต / ไม่มีเซ็กซ์ / ไม่แต่งงาน / ไม่มีลูก


Ashley Ai-Xi คือนักแสดงหนังโป๊ชาวไต้หวันที่ออกมาบอกเล่าประเด็นเรื่องการแกล้งเสร็จของผู้หญิง ให้คนได้แวะกลับมาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันอีกสักครั้ง

 มุมมองเรื่องการแกล้งเสร็จ ของ Ashley Ai-Xi นักแสดงหนังโป๊ชาวไต้หวันผู้มีอีกหนึ่งอาชีพเป็นครูสอน รร. กวดวิชา

นี่คือการถามจริง ตอบจริง แบบไม่เตี๊ยม ไม่มีบท ของ Dose of society แอคเคานต์ที่เราบังเอิญเจอในอินสตาแกรมที่ออกไปยื่นไมค์สัมภาษณ์ผู้คนตามท้องถนนทั่วทุกมุมโลก ด้วยไอเดียที่ว่า Real People, Real Stories คุยกับคนจริง กับเรื่องจริงๆ ของพวกเขา

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

มายาคติเรื่อง “หัวนมชี้หน้า” ต้องโทษที่คนไม่ใส่บรา หรือที่สายตาคนมอง?

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

SERENE

RELATED

HOT TOPICS