ข้อไหนใช่ทางคุณบ้าง ลองมาดูกัน

8 เทรนด์การออกเดตที่จะมาแรงในปี 2023

ข่าวดีสำหรับคนโสด เพราะแอปฯ หาคู่อย่าง Bumble เพิ่งเผยผลสำรวจล่าสุดที่เก็บข้อมูลจากผู้ใช้งาน 14,300 คนทั่วโลก โดยผลสำรวจระบุว่า 70% ของคนที่ตอบแบบสอบถามยังเชื่อมั่นว่า ยังมีความรักรออยู่ในปี 2023 &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;แต่นอกจากข้อมูลที่ทำให้คนโสดมีความหวังแล้ว Bumble ยังสรุปเทรนด์หลักๆ ในการออกเดตของปี 2023 ซึ่งถ้าให้พูดถึงภาพรวมสั้นๆ จะเห็นได้ว่า ปัจจัยภายนอกอย่างเช่นเรื่องการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศและค่าครองชีพที่สูงขึ้นมีผลต่อเรื่องนี้ด้วย ในขณะเดียวกัน คนก็เริ่มมองหาสมดุลในชีวิตมากขึ้น ซึ่งครอบคลุมมาถึงเรื่องการออกเดตด้วยและนี่คือ 8 เทรนด์ในการออกเดตที่เรานำสรุปมาฝากกัน เพื่อให้คนที่อยู่ในสมรภูมิของ Dating Game เข้าใจสถานการณ์ทั่วโลกมากขึ้น1.&nbsp;เปิดกว้างมากขึ้น มองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกการมีสเปกว่าชอบรูปร่างหน้าตาแบบไหนเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องที่น่าสนใจก็คือ 63% หรือส่วนใหญ่ของกลุ่มที่ทำการสำรวจระบุว่า ในการหาคู่นั้นพวกเขาหันมาโฟกัสที่วุฒิภาวะทางอารมณ์มากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก นอกจากนี้ 1 ใน 3 ยังบอกว่า พวกเขาเปิดกว้างในการเดตมากขึ้น โดยโอเคกับการเลือกคู่เดตที่ไม่ได้ตรงสเปกตั้งแต่แรกเห็นเทรนด์ลักษณะนี้ซึ่งเรียกว่า Open Casting ทำให้คนมีแนวโน้มที่จะดึงดูดกันด้วยวุฒิภาวะทางอารมณ์มากขึ้น ความสวยงามภายนอกกลายเป็นเรื่องรองลงไป และจะตัดสินใจเลือกคู่จากคนที่เข้ากันได้ด้วยอารมณ์ นิสัย และความสนใจมากกว่า&nbsp;2. เดตแบบขอมีพื้นที่ส่วนตัว ขอไม่เหนื่อยมาก‘Guardrailing’ ในโลกของการออกเดตเป็นคำที่แอปฯ Bumble ใช้อธิบายถึงคนที่ยังอยู่ในเกมการเดต แต่ขอมีพื้นที่ส่วนตัวและรักษาพลังงานตัวเองไม่ให้เหนื่อยจนเกินไปด้วย &nbsp; &nbsp;&nbsp;เทรนด์นี้เป็นผลมาจากช่วงโควิด-19 ที่คนส่วนใหญ่ใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น อยู่บ้านเป็นหลัก พอมาตรการผ่อนคลายและกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศอีกครั้ง ได้พบเจอผู้คนเหมือนแต่ก่อน ก็กลายเป็นรู้สึกถาโถมมากเกินไปจนต้องจัดลำดับความสำคัญในชีวิตใหม่ &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;ผลลัพธ์ก็คือ 63% ของกลุ่มสำรวจบอกว่า พวกเขาให้น้ำหนักกับความต้องการทางอารมณ์และพื้นที่ส่วนตัวชัดเจนขึ้น ในขณะที่ 59% คิดมากขึ้นในการใช้แอปฯ หาคู่ และมากกว่าครึ่งยังตั้งเป้าว่า ต่อให้แมตช์ได้และออกเดตกันก็ขอไม่ผูกมัดในการพบเจอกันมากเกินไป&nbsp;3. Wanderlove ตามหารักแบบนักเดินทาง1 ใน 3 ของกลุ่มสำรวจเป็นคนแคนาดาบอกว่า พวกเขาพร้อมที่จะเดินทางและเปิดกว้างให้กับความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายอาจจะอยู่ต่างเมือง ต่างถิ่นกัน และเนื่องจากคนจำนวนไม่น้อยยังทำงานจากบ้านอยู่ 14% ของกลุ่มสำรวจจึงบอกว่า การย้ายที่อยู่เป็นอะไรที่พวกเขามองไว้ในอนาคต เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็อาจมีผลต่อแนวคิดในการออกเดตได้เช่นกันเมื่อนำเอาปัจจัยทั้งหมดมารวมกันกับการท่องเที่ยวที่กลับมาเปิดกว้างอีกครั้งหนึ่ง Bumble มองว่าอาจนำไปสู่การจับคู่ระหว่างการผจญภัยในการเดินทางและความโรแมนติกจนเกิดเป็น Holiday Romance ที่สำหรับบางคู่อาจพัฒนาต่อเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวได้4. ออกเดทเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมตรงปรับปรุงตัวเทรนด์นี้อาจจะเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผู้หญิง เพราะผู้ชายทั่วโลกมากถึง 74% ในกลุ่มสำรวจบอกว่า พวกเขาย้อนคิดถึงพฤติกรรมของตัวเองที่ผ่านมามากขึ้น จนทำให้เห็นภาพ และเข้าใจชัดขึ้นว่าพฤติกรรมแบบไหนของตัวเองที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในการออกเดตนอกจากนี้ 38% ของผู้ชายที่ใช้ Bumble ยังมีการพูดคุยกับเพื่อนผู้ชายด้วยกันเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ความรู้สึกที่เกี่ยวกับเรื่องการออกเดต ซึ่งเป็นสัญญาณว่าพวกเขาไม่ได้มองแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น5. คนเคยมีคู่จะกระโจนลงสนามมากขึ้นBumble ยกให้ปีหน้าเป็นยุคเรเนสซองส์แห่งการออกเดตก็เพราะว่า 39% ของกลุ่มสำรวจ หย่าร้างหรือจบความสัมพันธ์ที่จริงจังในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และ 1 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้ก็เริ่มแอปฯ หาคู่เป็นครั้งแรกจากที่ไม่เคยใช้มาก่อน &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;คนกลุ่มนี้ต้องเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ในโลกของการหาคู่เดตผ่านแอปฯ ทั้งภาษาที่ใช้ วิธีการเข้าหา รวมไปถึงโค้ดลับต่างๆ ที่คนเล่นแอปฯ รู้กันดีว่าหมายถึงอะไร เพื่อที่จะตามหาคนที่จะมาเดินทางด้วยกันในบทใหม่ในชีวิตพวกเขา6. Sex-ploration คนมองหาเซ็กซ์ยังคงมี &nbsp; กว่าครึ่งของของกลุ่มที่ตอบแบบสอบถามทั่วโลกเชื่อว่า การมีเซ็กซ์กับคนที่เจอกันในแอปฯ หาคู่ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก แต่ก็เห็นด้วยว่า ควรที่จะมีการพูดคุยเรื่องนี้กันก่อนว่าความต้องการของทั้งสองฝ่ายตรงกันไหมตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นของความสัมพันธ์ในช่วงปีที่ผ่านมา 20% บอกว่า พวกเขามีเซ็กซ์กับคู่เดตมากขึ้น และ 14% เริ่มนึกถึงความสัมพันธ์ Non-monogamy มากขึ้น แต่ Bumble บอกว่า ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าคนจะมีเซ็กซ์เพิ่มขึ้นผ่านแอปฯ หาคู่ เพราะ 34% บอกว่า พวกเขาโอเคกับการออกเดตที่ไม่มีเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้อง7. เดตแบบไม่เน้นเปย์ สบายๆ ไม่ต้องจ่ายเยอะ &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;เทรนด์นี้ว่ากันด้วยเรื่องเงิน 28% บอกว่า พวกเขาวางกรอบการใช้เงินในการเดตเอาไว้อย่างชัดเจน และมากกว่าครึ่งระบุว่า พวกเขาสนใจที่จะเดตแบบสบายๆ มากกว่าเดตแบบแฟนซีหรูหราที่ต้องเปย์หนักกว่า8. Love-life Balance ต้องการคนมีเวลาปิดท้ายกันที่เทรนด์สุดท้ายซึ่งแอปฯ Bumble บอกว่าน่าสนใจตรงที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะคนหันมามองความสัมพันธ์ในมุมมองของเรื่อง Work-life Balance มากขึ้น สถานะทางสังคมหรือหน้าที่การงานกลายเป็นเรื่องรองไป โดยมากกว่าครึ่งของผู้ร่วมตอบแบบสอบถามบอกว่า ในการใช้แอปฯ นั้นพวกเขามองหาพื้นที่ที่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและได้เบรกจากหน้าที่การงานเรื่อง Work-life Balance นี้ยังต่อเนื่องไปถึงเรื่องอาชีพของคู่เดต 1 ใน 10 ยังบอกอีกว่า พวกเขาตัดสินใจเลิกเดตกับคนที่ต้องทำงานในสาขาที่ต้องทุ่มเททั้งเวลาและพลังงานสูงอัปเดตเทรนด์แล้ว จะอัปเดตรูปถ่ายและโปรไฟล์ในแอปฯ ใหม่เลยก็ได้นะ จะได้เตรียมตัวให้พร้อมกับเทรนด์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นนี้อ้างอิง<a href="https://metro.co.uk/2022/12/17/the-five-biggest-sex-trends-for-2023-revealed-17951692/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://metro.co.uk/2022/12/17/the-five-biggest-sex-trends-for-2023-revealed-17951692/</a>&nbsp;<a href="https://www.news.com.au/lifestyle/relationships/dating/new-dating-trends-revealed-in-bumbles-2023-annual-report/news-story/f5f76e681f8fe27b505bb9153be2885c" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.news.com.au/lifestyle/relationships/dating/new-dating-trends-revealed-in-bumbles-2023-annual-report/news-story/f5f76e681f8fe27b505bb9153be2885c</a>&nbsp;&nbsp;&nbsp;

ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา โพสต์สเตตัสบนเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังถูกวิจารณ์ ‘การแต่งตัว’ ขณะที่เธอตั้งท้องลูกคนที่สอง ซึ่งเราต้องบอกเลยว่า นี่ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของ ‘Body Shaming’ ที่ผู้หญิงตั้งครรภ์เผชิญอยู่ไม่น้อย

‘ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา’ ถูกวิจารณ์การแต่งตัวโชว์ท้อง กับภาพการ Body Shaming ‘คนท้อง’ ที่มีอยู่จริง และเยอะด้วย เมื่อหลายคนยังไม่เข้าใจสิทธิ์ในร่างกาย

เราพอทราบกันอยู่แล้วว่ารัฐจีนต้องการกลืนชาติ ‘อุยกูร์’ เพื่อสร้างจีนเดียวที่ทุกคนมีความคิดความเชื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน และจีนก็ยังมีอีกวิธีการกลืนชาติอุยกูร์ซึ่งมุ่งเป้ามาที่ผู้หญิงโดยตรง 

ผู้หญิงชาวอุยกูร์ถูกบังคับให้ทำแท้ง ทำหมัน หรือต้องแต่งงานกับชายชาวจีน เพื่อหยุดยั้งการสืบสายเลือดชาวอุยกูร์

“Feminine Energy ทำให้ชีวิตของผู้หญิงง่ายขึ้น” กลายเป็นวาทกรรมสอนหญิงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแพลตฟอร์ม TikTok โดยเนื้อหาส่วนใหญ่มักระบุว่า หากผู้หญิงเพิ่ม Feminine Energy มากขึ้น จะทำให้พวกเธอสามารถดึงดูดสิ่งที่ดีเข้ามา นำไปสู่การมีชีวิตที่สบายขึ้น รวมถึงหากนำไปปรับใช้กับด้านความสัมพันธ์ จะส่งผลให้ได้รับการปฏิบัติที่ดีแบบ Princess Treatment จากคนรัก

“Feminine Energy ทำให้ชีวิตผู้หญิงง่ายขึ้น” วาทกรรมสอนหญิงจาก TikTok ที่ชวนให้คนกลับสู่กรอบบทบาททางเพศ เพื่อจะมีชีวิตที่ดี ทั้งที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงแบบไหน ก็สามารถมีชีวิตที่ดี และความรักที่คู่ควรได้

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Sex

8 เทรนด์การออกเดตที่จะมาแรงในปี 2023

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PANICHA IMSOMBOON

RELATED

HOT TOPICS