ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา UN Women ยังได้จัดเวทีเสวนา ‘SAFE FUTURE SAFE SPACE: Ending Gender-Based Violence for Everyone, Everywhere ยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศทุกพื้นที่ทุกแพลตฟอร์ม’ สำหรับหัวข้อ ‘หยุดความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศโดยใช้กฎหมาย’ จะพูดคุยเกี่ยวกับร่างกฎหมายต่อต้านการคุกคามทางเพศ และการคุ้มครองผู้เสียหายจากความรุนแรงในครอบครัวว่าเป็นเช่นไร

‘SAFE FUTURE SAFE SPACE ยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศทุกพื้นที่ทุกแพลตฟอร์ม’ เวทีเสวนาที่ชวนคุยเรื่องปัญหาการคุกคามทางเพศบนโลกออนไลน์ และกฎหมายคุ้มครองเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว

ผู้หญิง 1 ใน 3 คนทั่วโลก เคยประสบความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ16-58% ของผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ประสบความรุนแรงบนโลกออนไลน์90-95% ของวิดีโอ &nbsp;Deepfake เป็นภาพลามกอนาจารของผู้หญิง‘16 วันรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ’ แคมเปญระดับโลกที่นำโดย UN Women ภายใต้โครงการ UNiTE to End Violence against Women ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในช่วงวันที่ 25 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม เพื่อเชื่อมโยงระหว่างวันสากลเพื่อขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงกับวันสิทธิมนุษยชน<img src="https://media.thairath.co.th/image/0fWriYMX3AjPniGW5xYx3hUq2sGfHKshZ2zD0ZkH0wEe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">แคมเปญปีนี้มุ่งเน้นการยุติความรุนแรงบนโลกออนไลน์ต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทุกคน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ส่งผลให้รูปแบบความรุนแรงมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์คุกคามทางเพศ การตามติด การเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางเพศ วิดีโอ &nbsp;Deepfake และการเผยแพร่ภาพส่วนตัวโดยไม่ได้รับการยินยอม ดังนั้น ความรุนแรงทางเพศในโซเชียลมีเดียจึงถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ในสังคมยุคนี้อย่างไรก็ตาม ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวก็ยังคงเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมไทย เนื่องด้วยปัญหาข้อกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จึงนำไปสู่การแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 เพื่อช่วยเหลือและคุ้มครองเหยื่อให้ได้ครอบคลุมมากขึ้น<img src="https://media.thairath.co.th/image/GcNtBejPJlmisKs1a2hhkp1V2Ggc70KVTlIaakp1V2gLscxygxb4Ye9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ไม่เพียงเท่านั้น ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา UN Women ยังได้จัดเวทีเสวนา ‘SAFE FUTURE SAFE SPACE: Ending Gender-Based Violence for Everyone, Everywhere ยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศทุกพื้นที่ทุกแพลตฟอร์ม’ สำหรับหัวข้อ ‘หยุดความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศโดยใช้กฎหมาย’ จะพูดคุยเกี่ยวกับร่างกฎหมายต่อต้านการคุกคามทางเพศ และการคุ้มครองผู้เสียหายจากความรุนแรงในครอบครัวว่าเป็นเช่นไร<img src="https://media.thairath.co.th/image/hkwBEbTp7LwdDxPkxew8yTB9q3AQ1PxbBs1a2hNYbRgkiOge9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">‘ภัสริน รามวงศ์’ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน และโฆษกคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า “การคุกคามทางเพศ และความรุนแรงในครอบครัวยังเป็นประเด็นที่ต้องพูดถึงและขับเคลื่อนต่อ เพราะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องสาธารณะที่มีผลกระทบต่อวงกว้าง”“ปัจจุบัน ปัญหา &nbsp;Deepfake และการคุกคามทางเพศเด็กผู้หญิงผ่านช่องทางออนไลน์เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศหลายมาตรายังไม่ครอบคลุมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงต้องปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายใหม่”<img src="https://media.thairath.co.th/image/gf7MheSQhBnhNeVYVMcAvQTMs1a2h8ns1a2hQfmp63LVXiPrSKMe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">โดย ‘นรเศรษฐ์ ปรัชญากร’ สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค อธิบายถึง 3 ความท้าทายในประเด็นการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ในสังคมไทย ดังนี้1. การมองว่า การคุกคามทางเพศเป็นเรื่องปกติทั่วไปในสังคม เช่น การแซวผู้หญิง ซึ่งอาจนำไปสู่การสะกดรอยตาม (Stalking)2. การไม่มองว่า คนบางกลุ่มเป็นเหยื่อของการคุกคามทางเพศ เช่น ผู้ชาย และ LGBTQ+ เพราะยึดติดกับกรอบบทบาททางเพศ (Gender Role)3. สังคมทุกวันนี้ยังไม่มองว่า ความรุนแรงทางเพศเป็นเรื่องใหญ่ แต่มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องผัวๆ เมียๆ หรือเรื่องเล็ก ซึ่งเป็นการลดทอนความรุนแรงของปัญหา ดังนั้น เราต้องก้าวข้ามผ่านวาทกรรมแบบนี้ได้แล้ว เพราะปัญหาความรุนแรงทางเพศไม่ได้สำคัญน้อยกว่าปัญหาปากท้องหรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมถึงทุกปัญหาในสังคมสามารถแก้ไขไปพร้อมกันได้<img src="https://media.thairath.co.th/image/xOB1b9bdMhTluCqXe53AYUuLJ7egB8Bp1V2FKSylKIW1M8e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ส่วน ‘ธารารัตน์ ปัญญา’ ทนายความและผู้ก่อตั้ง Feminist Legal Support (FLS) ระบุถึงปัญหาของกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับคดีความรุนแรงในครอบครัวไว้ว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 มีเจตนารมณ์ในการรักษาสถาบันครอบครัวเป็นหลัก ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมมักจะมุ่งให้เกิดการไกล่เกลี่ย โดยไม่ได้ถามความต้องการของผู้เสียหาย รวมถึงผู้เสียหายอาจโดนสังคมหรือคนในครอบครัวกดดันให้ยอมความ”“โดยในข้อกฎหมาย คำนิยามของ ‘ความรุนแรงในครอบครัว’ ก็ไม่ได้ครอบคลุมถึงความรุนแรงทางเพศ หรือการใช้อำนาจข่มขู่ เจ้าหน้าที่จึงพิจารณาจากบาดแผลบนร่างกายเป็นหลัก ทั้งที่ในความเป็นจริง รูปแบบการถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวมีหลายแบบมาก”“นอกเหนือจากการแก้ไขกฎหมาย เรายังต้องสร้างแนวปฏิบัติที่ถูกต้องควบคู่ไปด้วย เช่น เจ้าหน้าที่ต้องเข้าใจรูปแบบความรุนแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะจะทำให้กฎหมายที่แก้ไขมาถูกใช้อย่างถูกต้องและยั่งยืนมากขึ้น”<img src="https://media.thairath.co.th/image/Fbo3PwN5Sp1V2TBp1V2hAVAyyxb4WyCnTnuIyUK2FWvHhnJ74e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ด้าน ‘จิตติมา ภาณุเตชะ’ ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ และนายกสมาคมเพศวิถีศึกษา กล่าวว่า “กฎหมายอาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมคนไม่ได้ทั้งหมด แต่กฎหมายจะช่วยเป็นแนวทางให้ผู้คนเห็นว่าอะไรถูกอะไรผิด สิ่งสำคัญคือ ถ้าเราต้องการเปลี่ยนบรรทัดฐานเรื่องความรุนแรงทางเพศ เราต้องมีข้อกฎหมายที่สามารถคุ้มครองสิทธิของประชาชนได้”<img src="https://media.thairath.co.th/image/p1V2lp4Us1a2ham08s1a2h3vxBlcM4C4ebjnp1V2f5s1a2hav4N5omOjp1V2lmvAe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">สุดท้าย ‘ขวัญข้าว คงเดชา’ นักวิชาการผู้ชำนาญการ สถาบันพระปกเกล้า ระบุว่า “หลังจากกฎหมายใหม่ออกมาแล้ว เราจะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร เชื่อว่ากระบวนการในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเริ่มต้นจากกฎหมาย การบรรยาย การอบรม ซึ่งอาจใช้เวลาในการเปลี่ยน แต่ถ้าเราไม่เริ่มตอนนี้ หรือมองว่าการขับเคลื่อนประเด็นนี้ประสบความสำเร็จแล้ว เปอร์เซ็นต์ที่ไทยจะขจัดความรุนแรงอย่างสมบูรณ์ มันก็จะยิ่งน้อยลง”<img src="https://media.thairath.co.th/image/0qLemG5L2r9D7ZmnuresqZqpas1a2hTXIPs1a2h97YGDVrPVcbwe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">

ในยุคที่เรื่องเพศเปิดกว้างกว่าที่เคย จากการรักเพศใดๆ การใช้ของเล่นทางเพศ ไปจนถึงการมีเพศสัมพันธ์แบบเปิด ทุกอย่างดูอิสระเสรีที่เราเห็นผ่านคอนเทนต์ของเหล่า Sex Creator ในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ผิดตราบใดที่มีความยินยอมพร้อมใจ และอยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัย เพราะในตอนนี้ในปี 2568 คนไทยมียอดผู้ติดเชื้อ HIV พุ่งสูงเกินกว่าครึ่งล้าน

รู้แต่ไม่อิน! ยสตน. เท่านั้น! เทรนด์ไม่ใส่ถุงยางของวัยรุ่นยุค OnlyFans ที่หมอเตือนว่าเสี่ยงติดเชื้อ HIV และสารพัดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

“ถ้าประธานาธิบดียังโดนแบบนี้ แล้วผู้หญิงทั้งประเทศจะรู้สึกปลอดภัยได้ยังไง” เธอกล่าว

Claudia Sheinbaum ปธน.หญิงแห่งเม็กซิโก พูดถึงการที่เธอถูกลวนลามระหว่างพบปะประชาชนซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ในประเทศ

อีกหนึ่งประเด็นถกเถียงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้คือ กำแพง ‘Beauty Standard’ ที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมไทย เช่น ต้องผอมบาง ต้องพอกผิวให้ขาวใส ต้องแต่งหน้าคูลโทน หรือต้องแต่งตัวสไตล์หนึ่งๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ความงามที่หลากหลายและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้คนขาดหายไป นอกจากนี้ยังมีกลุ่มซื้อขายรูปเทสต์ดีต่างๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์และไลฟ์สไตล์แบบที่ต้องการในบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเอง ส่งผลให้คลิปวิดีโอที่มีการตั้งคำถามว่า “ทำไมผู้หญิงทุกคนเริ่มหน้าตาเหมือนกันหมดเลย” กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง

ชวนสำรวจความคิดเห็นจากประเด็น “ทำไมทุกคนเริ่มหน้าตาเหมือนกันไปหมด?” ซึ่งกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เมื่อ Beauty Standard ที่สูงขึ้นในสังคมไทย ส่งผลให้ความงามมีเพียงไม่กี่รูป

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Movement

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

จุฬาลักษณ์ เดชะ

RELATED

HOT TOPICS