LadyMirror รู้ทุกเรื่องของผู้หญิง | แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ บิวตี้ ความงาม และอื่นๆ

คุยกับ คริสติน กุลสตรี นางแบบสาวผู้เผชิญการตีตราเพียงเพราะเปิดเผยเรื่องเซ็กซ์

สุขภาพทางเพศเป็นเรื่องสำคัญ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่น้อยคนนักที่กล้าจะสื่อสารเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่ง คริสติน กุลสตรี คือหนึ่งในนั้น 

ย้อนไปก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอเพิ่งออกมาเปิดเผยเรื่องการติดโรคทางเพศสัมพันธ์อันเนื่องมาจากพฤติกรรมทางเพศของอดีตแฟน ในด้านหนึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอถูกโจมตีจากฝั่งที่มองว่า “เธอไม่จำเป็นต้องพูด” ด้วยประการทั้งปวง อีกด้านหนึ่งเธอกลับได้รับข้อความจำนวนมากที่เข้ามาปรึกษาเรื่องสุขภาพทางเพศ

อันที่จริงคริสตินเองคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแลตัวเองเรื่องสุขภาพทางเพศเป็นอย่างดีมาตลอด เข้าใจร่างกายและอนามัยเจริญพันธุ์ของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น เริ่มหาหมอสูตินรีเวชเพื่อถามข้อมูลความรู้ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ตั้งแต่เรื่องการใช้ยาคุมกำเนิด จนถึงการรับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ซึ่งอันที่จริงสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตผู้หญิง แต่หลายคนกลับปล่อยปละละเลยมันไปอย่างน่าเสียดาย

เราจึงอยากชวนไปอ่านบทสนทนากับคริสติน ทั้งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เป็นประเด็นร้อนในสังคมเมื่อเดือนที่ผ่านมา จนถึงมุมมองของเธอเกี่ยวกับสิทธิบนเนื้อตัวร่างกายตัวเอง รวมถึงการดูแลสุขภาพทางเพศของตัวเอง ที่การจะหาหมอเพื่อตรวจภายในนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมเอามากๆ 

จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปอ่านกัน

Q: จากที่คุณออกมาเปิดเผยเรื่องราวจนกลายเป็นประเด็นดัง โดยรวมแล้วมีฟีดแบ็กอย่างไรบ้าง

A : วันที่ออกมาพูดก็คือ จะบอกว่าทำใจมาแล้วแบบเยอะมากๆ ว่า กูโดนชัวร์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วก็โดนจริงๆ “อยากดังหรือเปล่า” อันนี้มาแน่นอน กับอีกอย่างก็คือ “เดี๋ยวนี้คนเขาพูดเรื่องเพศกันแล้วเหรอคะ” อะไรอย่างนี้ ซึ่งเราก็แบบ “ใช่ค่ะ เขาพูดกันนานแล้วค่ะ” ซึ่งคอมเมนต์ด่ามันมีอยู่แล้วแหละ มันแบบ ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะเนาะ ถามว่าคริสไปฟ้องได้ไหมพวกที่มาด่าๆๆ ก็ทำได้นะ แต่แบบมานั่งคิดดู ตอนที่เขามาด่าเราวันนั้นอาจจะเป็น 3 วันบันเทิงของเขาก็ได้ ที่เขาอาจจะจทำงานหนักมา เครียด โดนเจ้านายด่า ผัวด่า ลูกด่า ใครด่า แล้วดันมาเจอข่าว แล้วก็แบบ อีเหี้ย..กูขอมาลงตรงนี้หน่อยเถอะ ก็ได้

ฝั่งคนรู้จักก็จะมีทั้ง “ออกมาพูดทำไม” “มาเอาอะไร” หรือ “ก็บอกไปแล้ว เตือนไปแล้ว ว่าอย่ามาพูดเรื่องนี้ แล้วเป็นไงล่ะ” ซึ่งมันก็มีวันที่เรารับไม่ไหวเหมือนกัน แบบ 3 วันแรกคือโดนด่าสะบัด มีวันหนึ่งที่เราเผลอตัวเข้าไปอ่าน comment ลึกไปหน่อยจนเราร้องไห้ ซึ่งก็จะมีเพื่อนที่บอกว่า “ไม่เป็นไรมึง วันหนึ่งมึงจะเป็นตำนานเว้ย” มีทั้งคนเข้าใจและไม่เข้าใจนั่นแหละ ก็ถือว่าเป็นการคัดคนในชีวิตประมาณหนึ่งเลย

Q: อะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจออกมาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น

A: เราเปรียบเทียบว่าเราโดนรถชนแล้วกัน มันอาจจะมีกรณีนี้เกิดขึ้นที่อื่น แต่เขาอยู่ในชุมชนเล็กๆ ที่มันไม่ได้มีคนเยอะ แต่เราดันไปชนอยู่กลางเมืองที่มีคนเห็นว่าไอ้นี่รถโดนชน รถคันนี้นะ ชนผัวะ เราก็เข้าโรงพยาบาลไป ระหว่างเข้าโรงพยาบาลไปเนี่ย ก็มีเพื่อนๆ แบบ “เออ ช่างมันเหอะปล่อยผ่านไปนะ ไหนๆ ก็หายแล้ว” เราก็เลย เออๆ ช่างมันเหอะ แต่จนวันหนึ่งเรารู้สึกว่า เอ…เราก็ยังเห็นรถคันนี้เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่ละแวกเดิม นึกออกเปล่า เราก็รู้สึกว่าโอเค ฉันรักษาตัวฉันได้หายดีแล้ว ก็เลยกลับมาตรงจุดเกิดเหตุ แล้วประมาณว่าเรามายืนประท้วงแล้วกัน 

เราแค่ออกมาบอกว่าว่าให้ระวังนะคะ ตรงนี้มันอันตราย จะมีรถคันหนึ่งแบบว่าชอบชนแล้วหนีนะคะ อะไรอย่างนี้ แล้วก็คือในระหว่างที่เราถือป้ายประท้วงอยู่เนี่ย ดันมีคนมาประท้วงกับเราด้วยเพียงแต่เขาไม่ได้อยากเปิดเผยตัวตนออกมา ทีนี้พอเราเรื่องของเรามันเกิดในกลางเมืองใช่ไหม มันก็เลยกลายเป็นข่าวขึ้นมา ก็แค่นั้นเอง

เรารู้สึกว่าตัวเราเองเราดีใจนะที่คนให้ความสนใจเรื่องนี้กันเยอะ ไม่ว่าจะในแง่ไหน สมมติว่าถนนเส้นนี้ทุกคนแบบโดนชน ตุ้บ แล้วเงียบ ไม่มีใครออกมาเตือนคนอื่นเลย มันก็จะมีคนตุ้บๆๆ ไปเรื่อยๆ แล้วพอเราออกมาเตือน มันก็จะมีผลพลอยได้เช่นว่า “พี่คะหนูเคยโดนรถชนเหมือนกันแต่ว่า ตอนนี้กระดูกข้างในมันยังไม่ดีเลย พี่มีวิธีรักษายังไง ไปโรงพยาบาลไหนคะ” เราหมายถึง มันมีผู้หญิงเยอะมาก เราได้รับข้อความเยอะมาก คือแบบเกินร้อยคนที่เข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องโรคทางเพศสัมพันธ์ โอเคเราก็เลยเปิด space อธิบายใน Twitter ของเรา แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครส่วนตัวมาอีกเลยนะ เพราะเราว่าเราค่อนข้างให้ข้อมูลที่เคลียร์ 

Q: สิ่งที่เพิ่งค้นพบจากเหตุการณ์นี้คืออะไร

A: เราตกใจมากที่ผู้หญิงไทยไม่ได้ตรวจสุขภาพทางเพศกันทุกปี อย่างเราเอง เราตรวจตั้งแต่ 17 แล้ว เราตกใจมากที่คนค่อนข้างปล่อยปละละเลย เพราะมันเหมือนคุณตรวจสุขภาพฟันเลยค่ะ เราควรตรวจเป็นประจำนะ แล้วตกใจอีกที่บางคนไม่รู้ว่าตกขาวคืออะไร ซึ่งหลายคนด้วยนะ หลายคนยังรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก แล้วการที่คุณเป็นโรคในระบบสืบพันธุ์อ่ะ โอเค ในกรณีของคริสมันเกิดมาจากอะไรมันก็ตามที่เราได้แจ้งไปแล้ว แต่มันก็มีความเจ็บป่วยที่เกิดได้โดยที่แบบคุณไม่ต้องมีแฟนเลยด้วยซ้ำก็ได้ อาจจะเป็นที่วันนั้นคุณดันภูมิตกแล้วคุณไปใช้ห้องน้ำสาธารณะ หรือคุณอาจจะใส่กางเกงที่มันรัดเกินไป หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณก็เป็นได้ค่ะ 

เรารู้สึกว่าที่คนละเลยเรื่องนี้ไปเพราะอย่างแรกเลย เขารู้สึกว่ามันน่าอาย หลายคนมาบอกเราว่า หนูอายค่ะ ไม่รู้คนอื่นจะมองว่ายังไง อายเพื่อน อายหมอ นี่ก็แบบ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยอะ มันทำให้เรานึกถึงสมัยที่เราเด็กๆ แล้วโดนสอนว่าไปซื้อผ้าอนามัยแล้วให้ห่อหนังสือพิมพ์ด้วยนะ ความรู้สึกมันคล้ายๆ กันน่ะ เราก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่าห่อทำไมวะ การเป็นประจำเดือนมันน่าอายตรงไหน อะไรอย่างนี้ เรารู้สึกว่าเราอยู่ในสังคมที่อะไรแบบนี้มาตลอด 

หรืออย่างตั้งแต่เด็ก เราก็ความสงสัยเหมือนกันว่าทำไมในภาษาไทยถึงใช้การเรียกอวัยวะเพศว่า ‘จุดซ่อนเร้น’ เพราะมันคลุมเครืออ่ะ อะไรคือจุดซ่อนเร้น ตรงไหนเหรอ ที่ซ่อนเร้น รักแร้ก็ได้มั้ย หน้าอกก็ได้ ทำไมไม่พูดถึงมันตรงๆ เราเลยชอบโฆษณานึงมากๆ ที่แบบมันเป็นเกี่ยวกับการฆ่าเชื้อราในช่องคลอด ซึ่งเขาก็ชัดเจนมากว่า เมื่อมีเชื้อราในช่องคลอดให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราในการรักษา ซึ่งมันโอเคมาก มันแบบทำให้คนรู้เลยว่า อ๋อฉันเป็นสิ่งนี้ ฉันจะไปซื้อยานี้มาแล้วก็จะรักษาตรงนี้ให้มันถูกต้องอ่ะค่ะ 

Q: แปลว่ามันเป็นเรื่องการเรียนการสอนสุขศึกษาด้วยไหม 

A: ถ้าย้อนไปตอนเราเป็นเด็ก โรงเรียนไม่ได้สอนจริงๆ คือถ้าพูดถึงปัจจุบันเราก็ไม่กล้าเคลมว่าโรงเรียนไม่สอน แต่ตอนนั้นเท่าที่เราจำได้เขาจะสอนแค่ระบบสืบพันธุ์ อันนี้ของเพศชายหน้าตาเป็นอย่างนี้ ของผู้หญิงหน้าตาเป็นอย่างนี้ มีรังไข่แล้วเราก็จะปฏิสนธิกันได้ด้วยอะไรบ้าง สอนแค่นี้ ไม่ได้สอนไปถึงว่า ผู้ชาย ถ้าคุณมีอาการอย่างนี้แปลว่าอะไรใดๆ ผู้หญิงมีอาการแบบนี้แปลว่าอะไรใดๆ ควรป้องกันยังไง รักษายังไง ไม่มี

Q: ตลอดเวลาที่ผ่านมา เวลามีแฟน คุณใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเชื่อใจแฟนที่คบกัน

A: เราเชื่อใจเขาตั้งแต่วันที่เราเลือกเขาเป็นแฟนแล้วดีกว่า เพราะว่าถ้าไม่ไว้ใจเราก็จะไม่เอาเขาเป็นแฟน และถ้าเกิดจะถามลึกไปกว่านั้นว่าปกติใส่ถุงยางอนามัยไหมคะ ที่ผ่านมาใส่ทุกครั้งค่ะ แต่มันจะมีบางกรณีที่มีการแพ้ถุงยางเกิดขึ้น ซึ่งแฟนเก่าเราจะรู้ดีทุกคน เราจะพูดกับทุกคนหมดแบบชัดเจนมากๆ ว่า อะไรก็ได้นะบนโลกใบนี้ อย่าเอาโรคมาติดฉัน ชัดเจนมาตลอด เราชัดเจนเพราะเราเป็นคนดูแลตัวเองในเรื่องนี้อย่างดี แต่ถ้ามีแฟนแล้วผู้ชายพูดขึ้นมาว่า โอเคใส่ถุงยางไม่ได้ เหตุผลคือ 1 2 3 4 หรือล้านแปดแสน เราก็จะบอกว่าโอเคไปตรวจโรคครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ แต่ของเราน่ะ ล่าสุดเหมือนเราอาจจะสะเพร่าเองที่ไม่ได้ขอดูถึงกระดาษ แค่ฟังจากปากแล้วก็แบบ โอเค ไม่ได้คิดอะไร ประมาณนั้น

Q: ส่วนใหญ่แล้วการแพ้ถุงยางนี่พบเจอได้บ่อยไหม

A: มันมีคนแพ้จริงๆ พ่อเราก็แพ้ เรารู้เพราะถึงเราจะไม่ได้สนิทกับที่บ้านแต่เราคุยกันทุกเรื่อง แล้วเราก็แบบ เคยถามแม่ว่า แม่ทำไมถึงมีลูกเหรอ แม่ก็บอกเราตรงๆ แม่กินยาคุมไม่เป็นพ่อแพ้ถุงยาง ก็โอเค ประมาณนั้น

Q: แต่ก็คุยเรื่องนี้กับที่บ้านได้ แปลว่าค่อนข้าง open อยู่เหมือนกันเนอะ

A: บ้านเรา open มาก ถึงหลังๆ จะไม่ได้คุยกันมากนัก คือเราออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 15 แต่ถามว่าเวลามีเรื่องอะไรอย่างนี้ คุยไหม คุย เวลามีแฟนตอนเด็กๆ puppy love อะไรอย่างนี้ ที่บ้านก็จะรู้ตลอด เรื่องการไปหาหมอต่างๆ ด้วย เพราะเราไม่เคยรู้สึกว่าการมีแฟนเป็นเรื่องผิด หรือว่าการที่เราไปหาหมอตรวจภายในเป็นเรื่องประหลาด เขาบอกให้เราไปด้วยซ้ำ แบบ ไปตรวจไว้ ไปฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกเอาไว้ เพราะยิ่งฉีดเร็วมันก็ยิ่งลดความเสี่ยงได้มาก 

Q: พอที่ผ่านมาดูแลตัวเองดีขนาดนี้ พอวันที่รู้ว่าตัวเองป่วยขึ้นมา ณ ตอนนั้นทำยังไงคะ

A: โห ตอนนั้นเราร้องไห้ คือตอนนั้นเราอายุ 27 เนอะ ก็รู้สึกว่าเราดูแลตัวเองมาแบบโคตรดีตลอด 27 ปี แล้วแกเป็นใครอ่ะ? มันอย่างนี้เลยนะ มึงเป็นใครวะ ช่วงนั้นเราเป๋ไปเลย เป็นช่วงเวลาที่แย่มาก ประกอบกับเรื่องต่างๆ และเราเป็นซึมเศร้าอยู่แล้วมันยิ่งทำให้เราป่วยกว่าเดิมอีก 

ทีนี้ ถ้าพูดถึงเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตอนนั้นเราอยู่พัทยา แล้วเราก็เลยไปหาหมอเลย หมอพัทยาอาจจะไว คือด้วยความว่าพัทยามันขึ้นชื่ออยู่ว่าเป็นเมืองอะไร ทุกคนก็รู้ ถูกไหม หมอที่นั่นเขาน่าจะมีความเชี่ยวชาญ เขาแบบเปิดมาปุ๊บ ปั๊วะ เขารู้เลยอ่ะ คือแบบแน่นอน ไปฉีดยาเดี๋ยวนี้ แล้วก็เอาของเราไปตรวจเพิ่มเติมอีกใน Lab แล้วเราก็ได้ยามาเพิ่ม เราทำตามที่หมอบอกทุกอย่าง แต่มันก็ทรมานหน่อยตรงที่แบบ เราต้องไปถ่ายหนังต่อด้วย แล้ว effect จากยามันก็แรงมาก แต่สุดท้ายก็หายค่ะ

Q: หลายคนอาจจะกลัวการไปหาหมอเพื่อตรวจภายใน อยากให้เล่าบรรยากาศหน่อยค่ะ

A: มันชิลล์มากเลยค่ะ แต่ครั้งแรกอ่ะ คนที่ไปครั้งแรกอาจจะกลัวแหละเราเข้าใจ ไม่อยากให้ใครเห็นของเรา ครั้งแรกที่เราไปตรวจภายในเราก็เขินนะ เราก็ request ขอหมอผู้หญิงค่ะ ไปถึงก็นั่งรอคิว พอถึงคิวไปตรวจก็ขึ้นไปบนขาหยั่ง เขาจะมีอุปกรณ์ โอ้ตอนแรกกลัวไอ้นี้มาก ที่ง้างของเราอ่ะ มันเป็นเหล็กแล้วก็ง้าง จะเกลียดไอ้ตัวนั้นมากในตอนแรก แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ตอนนี้เราชิลล์มาก ถ้าตรวจดูเฉยๆ หมอเขาก็จะส่องไฟ เอานิ้วสอดเข้าไป บลาๆ กดตรงนี้เจ็บไหม อ๋อ ปากมดลูกปกตินะ จบ 

แต่ถ้าเกิดว่ามีการตรวจเชื้อก็จะมีการมาเอาเชื้อเราไป ก็จะรู้สึกหน่วงๆ ท้องนิดนึง ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่มันไม่มีอะไร มันแป๊บเดียวมาก แบบแค่นั้น แค่แบบทำตัวสบายๆ แล้วอย่าไปเกร็ง ถ้าเมื่อไหร่เกร็งเท่ากับเจ็บ คือตั้งแต่มีเรื่องนี้ มีคนมาถามเราเรื่องนี้เยอะมาก มีรุ่นพี่ที่เค้าอายุเยอะแล้ว มีลูกมาแล้ว เค้าบอกว่า “พี่ไม่เคยตรวจมาก่อนในชีวิต” ซึ่งที่จริงน่าห่วงมากนะ ผู้หญิงสามารถเป็นอะไรได้เยอะมากเลยนะ มะเร็งปากมดลูกเอยอะไรเอย แบบอยู่ๆ จะเป็นก็เป็นได้นะ เราเลยอยากสนับสนุนให้ทุกคนไปตรวจดูค่ะ

Q: ที่ผ่านมาคุณหาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง

A: ปกติเราก็แบบเด็กทั่วไปเลย ก็คือกูเกิล อยากรู้อะไรก็เข้ากูเกิลกระจาย แต่ถ้าเรื่องอะไรที่รู้สึกว่ามันต้องได้ข้อมูลจากหมอจริงๆ เราก็จะไปหาหมอ ชอบนั่งจับเข่าคุยกับหมอ แบบ หนูขอถามหน่อยค่ะ อันนี้มันยังไงคะ เช่น ถ้าแพ้ถุงยางต้องทำยังไงคะ ซึ่งตัวเราเองก็เคยเจอ เราก็เคยแพ้ แต่ไม่ใช่ทุกยี่ห้อ มันมีบางยี่ห้อ เราก็ได้คำตอบว่า อ๋อ เพราะว่าละสารแต่ละชนิดที่ใช้ในแต่ละยี่ห้อมันต่างกัน มันเลยมีเป็นบางยี่ห้อที่เราแพ้ อะไรอย่างนี้ 

หรืออย่างเรื่องยาคุม เราก็กินมาตั้งแต่ยังไม่มีแฟนแล้ว เพราะเราเคยรู้มาว่ามันทำให้สิวไม่ขึ้น เราก็ศึกษามาประมาณหนึ่งว่ามันมี effects อะไร แต่มันก็ควรปรึกษาหมออยู่ดี เพราะเรื่องนี้มันควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์

Q: การกินยาคุมตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นเรื่องที่ต้องปกปิดมั้ย

A: ไม่ เพราะว่าเพื่อนที่เห็นยาคุมในกระเป๋าสตางค์ เพื่อนก็ถามว่ากินยาคุมเหรอ ตอน ม.2 ม.3 ก็บอก เออกิน เพื่อนก็ถามกินเพราะอะไรวะ เราก็บอกไป เราเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว มันกินแล้วมันอย่างนี้ อย่างนู้น อย่างนั้นนะโว้ย แล้วมันก็มีเพื่อนที่ไปซื้อกินแบบไปปรึกษาที่บ้านก่อน แล้วเขาก็ไปกินตามซึ่งมันก็โอเคเลย แต่ใครที่ได้อ่านมาถึงตรงนี้เราก็อยากแนะนำให้ปรึกษาหมอก่อนอยู่ดีนะ

Q: ซึ่งหมอเองก็เต็มใจที่จะให้คำปรึกษากับเด็กๆ ในเรื่องนี้เนอะ

A: เด็กนี่คือต้องถามว่าเด็กแค่ไหน เราว่าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มเป็นประจำเดือน คุณสามารถคุยกับคุณหมอในเรื่องพวกนี้ได้แล้ว ซึ่งแต่ละคนมันแล้วแต่เลย บางคนแบบ ป.4 ก็มาแล้ว อะไรอย่างนี้ บางคน ป.3 อย่างนี้ มันไวมาก เอาเป็นว่าเมื่อไหร่ที่คุณเริ่มมีประจำเดือน คุณควรเริ่มที่จะ concern ร่างกายและสุขภาพทางเพศของตัวเองได้แล้ว 

Q: สมมติว่าคุณคริสตินมีลูก ถ้าลูกเป็นเพศกำเนิดหญิงกับเพศกำเนิดชาย จะสอนเขาต่างกันยังไงบ้าง

A: ถ้าลูกผู้หญิงเหรอ ก็จะสอนปกติน่ะแหละ จะสอนให้เขาใช้ชีวิต แล้วถ้าเกิดเขาเริ่มโตก็จะแนะนำเลย ยื่นให้ลูกดูเลยว่านี่ยาคุมนะลูก มันมียาคุมชนิดต่างๆ แบบนี้ๆๆ นะ แบบฉีด แบบกินรายเดือน แบบฉุกเฉิน แต่ละแบบเป็นยังไง ใช้ยังไง จะแนะนำเลยว่าแบบว่าถ้าเจอสิ่งนี้มันคืออะไร ตอนไหนต้องไปหาหมอ เราจะให้ลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก แล้วก็แบบลูกจะมีแฟนไหม แม่ open นะ ขอแค่ว่าแฟนลูกคือใคร กรุณาพามาบ้านให้รู้จักหน้า จบ ในเคสลูกผู้หญิง อันนี้แบบง่ายแบบสรุปแบบสั้นนะ 

ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็จะทำเหมือนกัน ก็แบบโอเค ยูไปลองเลยว่ายูแพ้ถุงยางหรือเปล่า จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาลว่าแพ้ไหม ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลย เผื่อลูกผู้หญิงจะแพ้ได้เหมือนกัน คือถ้ายูแพ้เนี่ย ยูห้ามมั่วนะโว้ย คือจะต้องสอนลูก จะคุยกับลูกแบบตรงๆ จะคุยแบบเพื่อนน่ะ ตั้งแต่ลูกเริ่มมีความรู้สึกทางเพศน่ะ ถ้าหนูรู้สึกว่าหนูอยากจะมีอะไรกับใคร อยากให้หนูคุยกับแม่ก่อน แล้วก็แม่จะสอนแบบป้องกันยังไงให้มันปลอดภัยแน่นอน 100% อย่างเนี้ย ถ้าลูกแพ้ถุงยาง แม่ก็ต้องถามก่อนว่าแฟนลูกคือใคร ถ้าลูกเป็นผู้ชายนะ พาแฟนมาคุยกับแม่สักหน่อยอะไรอย่างนี้ เพราะเราก็ไม่อยากให้มีใครแบบพลาดท้องในวัยเรียนแบบก็ไม่อยากจะเกิดขึ้น ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลย ก็คงจะเป็นการสอนลูกแบบคุยกันแบบเพื่อน พูดมาเลย อะไรอย่างนี้

Q: ขอกลับมาที่เรื่องความสัมพันธ์อีกนิดค่ะ คุณคริสตินเคยต้องทนกับความสัมพันธ์ที่ toxic ไหม

A: ไม่ทน เราเคยทนตอนเราเด็กๆ แล้ว เรารู้แล้วว่ามันบั่นทอน มันกัดกินจิตใจเราไปเรื่อยๆ เหมือนพอเราผ่านจากตรงนั้นมาได้ เราก็รู้แล้วว่าอะไรที่ toxic น่ะ เอาออกเถอะ ซึ่งความ toxic มันมาได้หลายรูปแบบ บางคนเขาก็รักเรามากเลยนะ แต่บางอย่างมันกลับ toxic กับเรา หรือถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึก ทุกคนมี sense นะ ว่าอันนี้มันไม่ใช่นะ มันแปลกๆ อันนั้นก็ toxic นะเราว่า แล้วความสัมพันธ์ที่คอยมานั่งเช็คมานั่งถามไถ่ตลอด

เหมือนคำถามแรกๆ ที่ถามเราว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะไว้ใจแฟนใช่ไหม ก็คือเราจะบอกว่าเราไว้ใจตั้งแต่วันที่เราเลือกเขาเป็นแฟนแล้วละกัน แต่ถ้าพอเราไว้ใจเสร็จปุ๊บแล้วเขามาทำลายทิ้ง นั่นก็ toxic แล้ว มาทำลายความไว้ใจของเราก็คือแบบไม่ว่าจะทางใดช่องทางหนึ่ง แบบเล่นตุกติกให้เรารู้สึกว่า เอ้ย..ฉันว่ามันแปลก ๆ แล้ว ความไว้ใจมันเริ่มลดลง อันนี้ก็เป็นสัญญาณเตือนของความ toxic เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ เลย ก็ถ้าเมื่อไหร่รู้ว่าแฟนตัวเองนอกใจอันนี้ก็ toxic แล้ว ก็ลาก่อน มันก็จะมีเพื่อนเราที่แบบอยากอยู่ให้โอกาส ก็เออ มึงก็ลองดูแล้วกัน มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง เราเชื่อสิ่งนี้มาเสมอ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วอีกอย่างคือ เมื่อไหร่ที่เริ่มมีความรุนแรง ไม่ใช่แล้วค่ะ

Q: จากที่คุยมาทั้งหมด มีอะไรอยากทิ้งท้ายมั้ยคะ

A: อย่างนี้ละกัน สำหรับน้องๆ ที่กลัวการไปตรวจโรค ไปหาหมอ เราว่ามันเป็นเรื่องปกติมากนะ การเจ็บป่วยมันเกิดขึ้นได้ ถ้าป่วยขึ้นมา มันไม่ได้แปลว่าเราเป็นจุดจบของชีวิต ไม่ต้องอายหรอก มันน่าอายยังไงอะ ก็คือถ้าทุกคนรู้ how too การมีเพศสัมพันธ์ แต่บางคนกลับไปรู้ how too มีเพศสัมพันธ์แล้วควรดูแลตัวเองยังไงต่อเนี่ย มันงงนะ 


ภาพโดย ณัฐวุฒิ เตจา

Author

MIRROR TEAM

กองบรรณาธิการ

Related Stories

รู้จัก VVOMEN ถ้วยอนามัยแบรนด์แรกในไทย ที่สามารถมี ‘เซ็กซ์’ ตอนเป็นเมนส์ได้ จากฝีมือคุณหมอที่เข้าใจความเลี่ยนงู่นของคนมีเมนส์

life

รู้จัก VVOMEN ถ้วยอนามัยแบรนด์แรกในไทย ที่สามารถมี ‘เซ็กซ์’ ตอนเป็นเมนส์ได้ จากฝีมือคุณหมอที่เข้าใจความเลี่ยนงู่นของคนมีเมนส์

MIRROR'sGuide