เวลาเราเข้าไปในวงถกเถียงเรื่องเพศ เรื่องที่ถูกหยิบขึ้นมาบ่อยที่สุดคงหนีไม่พ้น toxic masculinity แต่สิ่งที่เราอยากชวนคุยในวันนี้คือขั้วตรงข้ามกัน นั่นคืออัตลักษณ์เพศชายในแง่บวก หรือ healthy masculinity ซึ่งในฝั่งตะวันตกเริ่มมีการพยายามปลูกฝังกับเด็กผู้ชาย ท่ามกลางสภาวะที่เรายังก้ำกึ่งอยู่ระหว่าง patriarchy ที่เริ่มถูกต่อต้านในวงกว้างมากขึ้นทุกที แต่ก็ยังคงฝังรากลึกอยู่
หนึ่งในแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นชายในแง่บวกที่น่าสนใจ คือหลักสูตร +M ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ไซมอน ไรซ์ จากองค์กรสุขภาพจิตเยาวชน Orygen โดยหลักสูตรนี้มีจุดประสงค์ให้เด็กผู้ชายได้เรียนรู้การตีความเป็นชายรูปแบบใหม่ โดยสนับสนุนการแสดงออกทางอารมณ์ สอนเรื่องความหลากหลายและความยืดหยุ่นของตัวตนทางเพศ ทั้งยังสอนเรื่อง consent และสอนการสานสัมพันธ์ระหว่างเด็กชายกับเด็กชายด้วยกัน กับเด็กหญิง หรือกับเพศอื่นๆ วัยอื่นๆ ด้วย
ผศ.ไรซ์ กล่าวว่า Toxic Masculinity ผลักให้เด็กผู้ชายไม่พูดถึงเรื่องที่อยู่ในใจ และกดทับความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ “ผู้ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีระดับความก้าวร้าวกว่า ความรุนแรงสูงกว่า การฆ่าตัวตายสูงกว่า และมีส่วนร่วมในห้องเรียนน้อยกว่า สิ่งที่สังคมกำลังทำไม่เวิร์ก เราเลยต้องการการสอนรูปแบบใหม่”
ในงานสัมมนาออนไลน์เกี่ยวกับหลักสูตร +M ดร.แมตต์ อิงกลาร์-คาร์ลสัน ผู้กำกับศูนย์ Center for Boys and Men มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พูดคุยเกี่ยวกับวิธีการสอนเรื่องความเป็นชายในแง่บวกแก่เด็กและวัยรุ่นชาย ว่ามันคือการหาทางออกจากภาพที่สังคมจำกัดผู้ชายเอาไว้
“การเป็นผู้ชายที่แข็งแรงต่างจากการเป็นมนุษย์ที่แข็งแรงตรงไหน?” คำถามนี้นำไปสู่คำตอบของเขาว่ามันไม่ต่างกัน ในงานวิจัยไม่ได้บอกว่าเด็กผู้ชายที่มีความสุขมีความต้องการอะไรแตกต่างจากมนุษย์คนอื่น แต่ความเป็นชายตีกรอบวิธีการไปถึงความสุขตรงนั้นมากกว่า
หนึ่งในวิธีการพาเด็กๆ ออกจากกรอบนี้คือ การสอนให้พวกเขาไม่เข้มงวดกับการทำตามค่านิยมสังคมมากจนเกินไป สอนว่าการถามหาความช่วยเหลือจากคนอื่น หรือการมีเพื่อนฝูงเป็นเพศอื่นๆ ไม่ทำให้เราเป็นชายน้อยลงไปเลย และสุดท้ายก็คือการสอนเกี่ยวกับตัวตนของตัวเองที่มาจากข้างในจริงๆ ไม่ใช่จากสิ่งที่สังคมคาดหวังให้เขาเป็น
การสอนทั้งหมดนี้ไม่ใช่การบอกให้ใครคนไหนละทิ้งความเป็นชาย เพราะในตัวของมันเองการเป็นชายไม่ใช่เรื่องแย่ แต่เป็นการพัฒนารูปแบบความเป็นชายใหม่ๆ ที่ทิ้งความกดดันที่จะต้องแข็งแกร่ง ทิ้งความต้องเป็นผู้นำ และทิ้งการต้องครอบครองเพศอื่นๆ ไป แล้วหันไปโอบกอดคุณลักษณะอื่นๆ ในตัวเองด้วย
และหากอ่านถึงตรงนี้แล้วมีคำถามว่า อ้าว แล้วถ้าฉันชอบความเป็นชายแบบที่มันเป็นอยู่นี้ล่ะ? ทำไมผู้ชายจะต้องเปลี่ยนด้วย? คำตอบคือเหตุผลเดียวกันกับที่เราไม่สามารถใช้เสรีภาพทางการแสดงออกสนับสนุนเผด็จการได้ เพราะระบอบเผด็จการริดรอนเสรีภาพทางการแสดงออกของทุกคน รวมถึงผู้สนับสนุนเอง เช่นเดียวกัน ความเป็นชายรูปแบบ toxic masculinity ไม่มีพื้นที่บนโลกปัจจุบัน เพราะโดยพื้นฐานของมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกดขี่ทุกคน รวมถึงผู้ชายด้วยเช่นกัน
อ้างอิง:
https://medium.com/equality-includes-you/fragile-masculinity-b379dce65139
https://positivepsychologynews.com/news/steve-safigan/2012022921272
https://umatter.princeton.edu/respect-matters/healthy-masculinity
https://www.orygen.org.au/About/News-And-Events/2021/Pioneering-masculinity-model-for-boys-revealed