“ไม่ชอบอยู่กับคนที่นิสัยผู้ญิ้งผู้หญิงอะ” หรือไม่ก็ “เราเป็นคนแมนๆ มีอะไรก็คุยกันได้” เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้ยินประโยคนี้สักครั้งนึงในชีวิตจากผู้หญิงสักคน
ในที่นี้ความหมายของ “นิสัยผู้หญิง” มักหมายถึงการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ไร้สาระ ขี้นินทา ดราม่าเยอะ เรื่องมาก ฯลฯ ซึ่งถ้าหากสังเกตดูอีกทีลักษณะดังกล่าวนี้ไม่ได้มีอยู่แค่ในเพศใดเพศหนึ่ง (หากใครที่ชอบเรื่องประวัติศาสตร์ล่ะก็ น่าจะรู้กันดีว่าเราจะพูดว่าผู้ชายไม่ขี้ดราม่าได้ไม่เต็มปากแน่ๆ? :P) และต่อให้มีการเก็บสถิติขึ้นมาจริงๆ ว่าเพศไหนดราม่าเยอะกว่าเพศไหนก็คงไม่อาจใช้ตัวเลขเหล่านั้นมาใช้ตัดสินปัจเจกบุคคลอย่างเหมารวมได้อยู่ดี
และสิ่งที่เกิดขึ้นกับความเป็นหญิงนี้ ถูกเรียกว่า Internalized Misogyny หรือการเหยียดเพศหญิงจากภายในกลุ่มผู้หญิงกันเอง
ในสังคม patriarchal เด็กเติบโตมากับบทบาททางเพศที่ถูกแบ่งออกจากกันอย่างชัดเจน เด็กผู้ชายถูกแยกออกจากเด็กผู้หญิง เล่นกันคนละแบบ ถูกสอนคนละแบบ ขณะที่เด็กผู้ชายอยู่กับการเล่นโลดโผน ออกจากบ้าน ออกกำลัง วางแผน การเล่นของเด็กผู้หญิงก็มักจะอยู่กับบ้าน กระจุกกระจิก เมื่อเด็กผู้ชายเล่นกับเด็กผู้หญิงก็มักถูกมองว่าไม่แมนหรือไม่ก็เป็นแฟนกันไปเลย ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ผู้ชายกับผู้หญิงถูกแยกอยู่คนละฝั่ง แถมฝั่งผู้ชายยังมากับคุณสมบัติที่ดูเปิดกว้างและน่าสนใจกว่าด้วย (ซึ่งทำให้เกิดปัญหาทั้งการเหยียดเพศหญิงและปฏิเสธความลื่นไหลทางเพศอีกต่างหาก)
เมื่อผู้หญิงถูกจัดให้เป็นเพศที่ใช้อารมณ์ความรู้สึกตัดสินปัญหา อ่อนแอ ตื้นเขินกว่าผู้ชาย และการเป็นผู้หญิงที่ดีคือผู้หญิงที่เชื่อง สวยตามมาตรฐานความงาม และไม่ฉลาดเกินผู้ชาย รวมถึงอีกหลายข้อที่ patriarchal กำหนดให้ผู้หญิงเป็น
จึงไม่แปลกเลยที่ผู้หญิงจำนวนมากไม่รู้สึกว่าตัวเองควรถูกจัดอยู่ในกรอบที่บีบบังคับและด้อยค่านี้ บางคนจึงเริ่มต่อต้านความเป็นหญิงด้วยการประกาศแก่โลกว่า ไม่ ฉันไม่ชอบเพลงป๊อป ฉันไม่ชอบสีชมพู ฉันไม่กรี๊ดกร๊าด ฉันไม่แต่งตัวโป๊เพื่อจะได้มาในสิ่งที่ฉันต้องการ และฉันชอบอะไรที่ลุ่มลึกไม่ต่างจากผู้ชาย ฯลฯ และท้ายที่สุดฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น มีชื่อเรียกการแสดงออกแบบนี้ว่า “Not like other girls” หรือ NLOGs
แต่ว่า ในความเป็นจริงแล้ว “ผู้หญิงคนอื่น” ที่เรียกๆ กันนั้นมีตัวตนจริงขนาดไหน? ในชีวิตจริง ผู้หญิงที่คุยเรื่องเสื้อผ้า ดารา นักร้อง ผู้ชาย ฯลฯ นั้นมีอยู่จริงแน่ๆ แต่การคิดว่านั่นคือทั้งหมดที่คนคนหนึ่งทำและทั้งหมดคือตัวตนของเขาอย่างนั้นหรือ? การคิดแบบนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการสร้างหุ่นฟางผู้หญิงที่ไม่มีตื้นลึกหนาบางไปมากกว่าความชอบเลื่อนลอย และเป็นหุ่นฟางที่ตัดแง่มุมอื่นๆ ที่ขาดรายละเอียดและมิติอื่นในชีวิตออกไปหมด เหลือเพียงรูปแบบที่เหมารวมได้ง่ายและโจมตีได้ง่ายยิ่งกว่า
แม้ว่าสิ่งที่ NLOGs ทำจะมีที่มาที่ไปอย่างเข้าใจได้ว่าครั้งหนึ่งพวกเขาอาจถูกสังคมมองว่าไม่เป็นผู้หญิงแบบที่ปิตาธิปไตยเรียกร้องได้มากพอ ปัญหาคือในขณะเดียวกันที่มีแนวคิด empowering ตัวเอง การ empower นี้อาจข้ามเส้นไปสู่การกดผู้หญิงคนอื่นๆ ในสังคมได้
เพราะแทนที่มันจะเป็นการโจมตีกรอบที่ครอบผู้หญิงเอาไว้ มันกลับเป็นการหล่อเลี้ยงความเชื่อเหยียดเพศที่เชื่อว่าผู้หญิงส่วนมากในสังคมก็ยังเป็นพวกสวยแต่โง่เหมือนอย่างที่ปิตาธิปไตยว่า หรือไม่ก็พวกที่ยอมอยู่ภายใต้การกดขี่นั่นแหละ แต่พวกฉันน่ะแตกต่าง
ขณะที่ในโลกเราก็ยังมีนักวิชาการแบบจอร์แดน ปีเตอร์สัน (Jordan Peterson) ที่บอกว่าเหตุผลเดียวที่ผู้หญิงทาลิปสติกและปัดแก้มให้แดงไปทำงานเพราะมันเหมือนปฏิกิริยาร่างกายเวลามีเซ็กซ์ และพวกเธอทำอย่างนั้นเพื่อเรียกร้องความสนใจทางเพศจากผู้ชาย - ใครก็คงไม่อยากไปเห็นด้วยกับความเชื่อแบบนี้ใช่หรือไม่? โดยเฉพาะตัวผู้หญิงเอง
ดังนั้นแล้ว การต่อสู้กับกรอบอะไรสักอย่างหนึ่ง เราอาจไม่จำเป็นต้องโจมตีใครก็ตามที่ดันตรงกับกรอบที่ว่านั้นเสมอไป
เช่นเมื่อเราต่อสู้กับ Beauty Standard เราเชิดชูความงามแบบอื่นๆ เช่น ผิวสีเข้ม หรือรูปร่างที่อวบอัดมีน้ำมีนวล แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องไปต่อต้านคนที่มีผิวขาว หุ่นผอมบาง หรือคนที่ทาสกินแคร์และกำลังลดหุ่นเพียงเพราะมันตรงตามมาตรฐานความงาม ถูกไหม? เช่นเดียวกัน ในการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศ เราคงไม่ได้กำลังต่อสู้เพื่อบอกว่าผู้หญิงเป็นแบบไหนไม่ได้ แต่เราต่อสู้เพื่อบอกว่ากรอบของบทบาททางเพศเดิมของทุกๆ เพศนั้นล้าหลังไปแล้ว และทุกคนควรสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เขาคนนั้นอยากเป็น และนั่นรวมถึงการเป็นผู้หญิงแบบ “ผู้ญิ้งผู้หญิง” ด้วย
อ้างอิง:
https://elle.in/article/im-not-like-other-girls-toxic/
https://medium.com/write-like-a-girl/the-problem-with-saying-youre-not-like-other-girls-8ce0bf94d768
https://www.youtube.com/watch?v=7nL-kgbbcBA&t=24s&ab_channel=tiffanyferg
https://www.youtube.com/watch?v=BNCWW80WTPY&t=1388s&ab_channel=SarahZ
https://www.youtube.com/watch?v=1Dl98Z-RyFU&ab_channel=LifeAndLiberty