ด้วยความแมสสุดๆ ทำให้ผู้คนรู้จักซีรีส์ ‘เขมจิราต้องรอด’ ในวงกว้าง ไม่ใช่เพียงเฉพาะกลุ่มแฟนคลับของสองนักแสดงนำอย่าง ‘เก่ง-น้ำปิง’ หรือฐานผู้ชมซีรีส์วายไทยเท่านั้น ส่งผลให้เกิดความคิดเห็นบางส่วนในเชิงอคติต่อซีรีส์วาย เช่น “ไม่น่าเป็นซีรีส์วายเลย น่าจะเป็นซีรีส์ชายหญิง” , “เสียดายเป็นวาย” , “ถ้าไม่ใช่แนวเกย์จะดีมาก” คำพูดเหล่านั้นอาจจะดูเหมือนชื่นชมว่า ซีรีส์มีพล็อตที่น่าสนใจ หรือนักแสดงสามารถทำผลงานออกมาได้ดี ทว่าในอีกมุมหนึ่งก็สะท้อนถึง ‘การไม่เปิดรับเกย์’ อย่างแท้จริง

“ไม่น่าเป็นซีรีส์วายเลย น่าจะเป็นซีรีส์ชายหญิง” เมื่อความแมสของ ‘เขมจิราต้องรอด’ ทำให้เห็นว่า ผู้ชมบางส่วนยังมีอคติต่อซีรีส์วาย สู่คำถามที่ว่า ทำไมพล็อตที่ดีต้องถูกจำกัดแค่ซีรีส์ชายหญิง

ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่วงการซีรีส์ไทยกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง เพราะเต็มไปด้วยซีรีส์คุณภาพหลากหลายสไตล์ให้ผู้ชมเลือกดู หนึ่งในนั้นคือ ‘เขมจิราต้องรอด Khemjira The Series’ ซีรีส์วายแนวสยองขวัญโรแมนติกที่หลายคนรอคอยกันมานาน เนื่องจากพล็อตของเรื่องนี้มีความน่าสนใจ และเป็นอะไรใหม่ๆ ที่ยังไม่ค่อยมีมากนักสำหรับอุตสาหกรรมซีรีส์วาย (Boys' Love Series)&nbsp;โดยซีรีส์ ‘เขมจิราต้องรอด’ เล่าถึงเรื่องราวของ ‘เขมจิรา’ (รับบทโดย น้ำปิง นภัสกร) ชายหนุ่มวัย 20 ปีที่ถูกผีตามรังควานมาตลอดชีวิต เนื่องจากคำสาปประจำตระกูลที่ว่า “หากมาเกิดเป็นหญิง ขอให้ต้องพลัดพรากกับคนรัก หากมาเกิดเป็นชาย ขอให้ตกตายเมื่ออายุ 21 ปี” ซึ่งเกิดจากความแค้นในอดีตชาติของผีสาว ‘รำพึง’ (รับบทโดย กรีน อัษฎาพร) ที่มีต่อครอบครัวของเขา ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขมจิราจึงพยายามหาทางรอด ด้วยการขอความช่วยเหลือจาก ‘พ่อครู’ หรือ ‘ภรัณ’ (รับบทโดย เก่ง หฤษฎ์) ผู้ใช้อาคมไสยขาวที่มีวิชาแก่กล้า แต่ถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวกับเวรกรรมของผู้อื่นหลังจากซีรีส์เริ่มออนแอร์ตอนแรกไปก็มียอดรับชมสดบนทีวีกว่า 1.1 ล้านคน ด้วยเรตติ้งสูงสุด 1.031 ยอดเปิดตัวออนไลน์ทะลุล้านและสูงสุดในรอบปี รวมถึงติดเทรนด์อันดับ 1 ทางแพลตฟอร์ม X ทั้งในไทยและทั่วโลก ด้วยความแมสสุดๆ ทำให้ผู้คนรู้จักซีรีส์ ‘เขมจิราต้องรอด’ ในวงกว้าง ไม่ใช่เพียงเฉพาะกลุ่มแฟนคลับของสองนักแสดงนำอย่าง ‘เก่ง-น้ำปิง’ หรือฐานผู้ชมซีรีส์วายไทยเท่านั้นส่งผลให้เกิดความคิดเห็นบางส่วนในเชิงอคติต่อซีรีส์วาย เช่น “ไม่น่าเป็นซีรีส์วายเลย น่าจะเป็นซีรีส์ชายหญิง” , “น่าดูนะ แต่ไม่ดูซีรีส์ชายชาย ถ้าทำเป็นซีรีส์ชายหญิงน่าจะดีกว่า” , “เสียดายเป็นวาย” , “ถ้าไม่ใช่แนวเกย์จะดีมาก” หรือ “ควรทำให้คนหลายๆ รสนิยมดู ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม ไม่ได้เหยียดนะ แค่ไม่อิน” ขณะที่บางคนก็บอกว่า ‘พ่อครู’ หรือ ‘ภรัณ’ ไม่ได้เป็นเกย์ แต่ชอบเขมจิรา เพราะจำได้ว่าทั้งคู่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในอดีตชาติ ซึ่ง ณ ตอนนั้น เขมจิราเป็นหญิงสาวที่มีชื่อว่า ‘เขมมิกา’ (รับบทโดย เจนิส เจณิสตา)คำพูดเหล่านั้นอาจจะดูเหมือนชื่นชมว่า ซีรีส์ ‘เขมจิราต้องรอด’ มีพล็อตและเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ หรือนักแสดงสามารถสวมบทบาทเป็นตัวละครนั้นๆ และทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี จนทำให้ผู้ชมอินไปกับฉากในอดีตชาติระหว่าง ‘ภวัฒน์’ (อดีตชาติของพ่อครูภรัณ) กับ ‘เขมมิกา’ ทว่าในอีกมุมหนึ่ง การแสดงออกเช่นนี้ก็สะท้อนถึง ‘การไม่เปิดรับเกย์’ อย่างแท้จริง แม้ในปัจจุบัน สังคมไทยจะเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางเพศ หรือมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมเพื่อคุ้มครองสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ แต่ผู้คนบางส่วนอาจยังไม่ได้มองว่า ความรักของคู่เกย์เป็นเรื่องปกติเหมือนกับความรักระหว่างชายหญิง จึงก่อให้เกิด ‘ความเสียดาย’ เมื่อตัวละครไม่ได้มีเพศสภาพตามที่หวังไว้การบอกว่า ตัวละครไม่ได้เป็นเกย์ ทั้งที่เขาชอบผู้ชาย หรือต้องการเปลี่ยนเพศสภาพของตัวละคร ทั้งที่นี่คือซีรีส์วาย ก็ไม่ต่างอะไรจากการไม่ยอมรับอัตลักษณทางเพศของตัวละครที่เป็นเกย์ ซึ่งอาจเกิดจากการขาดความตระหนักรู้เรื่องประเด็นความหลากหลายทางเพศ ดังที่ก่อนหน้านี้ ในแวดวงซีรีส์วายไทยยุคแรกเริ่มเคยมีวลีฮิตอย่าง “ไม่ได้เป็นเกย์ แค่ชอบผู้ชายคนนี้คนเดียว” หรือแม้กระทั่งในชีวิตจริงและโลกออนไลน์ ซึ่งเกย์ที่หน้าตาดี เป็นสุภาพบุรุษ หรือมีคุณสมบัติที่ถูกตาต้องใจผู้หญิง ก็มักจะได้รับคำพูดในทำนองที่ว่า “เสียดาย ไม่น่าชอบผู้ชายเลย” ตามมา คำพูดเหล่านี้อาจสร้างบาดแผลภายในใจ หรือกดทับตัวตนของผู้มีความหลากหลายทางเพศได้มากกว่าที่คิดส่วนประเด็นที่ว่า ‘ซีรีส์ไทยควรสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ชมขนาดใหญ่มากกว่า’ ในความเป็นจริงแล้ว สื่อบันเทิงที่มีตัวละครหลักเป็นคู่ชายหญิงนั้นมีจำนวนมาก และครอบคลุมหลากหลายแนวมาตั้งแต่อดีต ไม่ว่าจะเป็นแนวรักโรแมนติก ดราม่า คอมเมดี้ สยองขวัญ แฟนตาซี และอีกมากมาย ในทางกลับกัน ตลาดซีรีส์วายไทยเพิ่งจะเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงหลังมานี้ และจากกรณีซีรีส์เรื่อง ‘เขมจิรา’ ผู้คนก็ยังคิดว่า ‘แนวสยองขวัญ’ คือสิ่งแปลกใหม่สำหรับซีรีส์วายหากเปรียบเทียบกันแล้ว ‘สื่อบันเทิงชายหญิง’ จึงค่อนข้างมีตัวเลือกให้กับผู้ชม มากกว่าซีรีส์วายเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น พล็อตที่ดีไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดอยู่แค่ในซีรีส์ชายหญิง เพราะซีรีส์วายก็มีคุณค่า และสมควรที่จะถูกนำเสนออย่างสร้างสรรค์นอกจากนี้ อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่บางคนอาจไม่ทราบคือ ซีรีส์ ‘เขมจิราต้องรอด’ สร้างมาจากนวนิยายชื่อเดียวกัน ซึ่งเขียนโดย ‘คาลิ’ ดังนั้น ความคิดเห็นในลักษณะข้างต้นจึงเปรียบเสมือนการไม่เคารพผลงานต้นฉบับ เพราะในนวนิยายเองก็ถ่ายทอดความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายเช่นกัน และหาก ‘เขมจิรา’ ไม่ได้เป็นผู้ชาย เรื่องราวทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น เนื่องจากเพศกำเนิดของตัวละครนี้ผูกโยงกับคำสาป ซึ่งนับเป็นปมสำคัญของเรื่อง ขณะเดียวกัน คอมเมนต์เหล่านั้นก็อาจเป็นการไม่ให้เกียรตินักแสดงหลักอย่าง ‘เก่ง-น้ำปิง’ นักแสดงท่านอื่น ทีมงานเบื้องหลัง รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ตั้งใจรังสรรค์ผลงานคุณภาพ และยกระดับซีรีส์วายไทยให้มีความหลากหลายมากขึ้นไปพร้อมกันอ้างอิง<a href="https://www.facebook.com/share/p/1NZKXQ3vHm/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.facebook.com/share/p/1NZKXQ3vHm/</a>&nbsp;

“นี่คืออัลบั้มที่ฉันใส่ตัวตนของตัวเองอย่างแท้จริง”

“อัลบั้มนี้ฉันมีจุดมุ่งหมายที่จะปลดปล่อยตัวเองอย่างเต็มร้อย ระเบิดโลกที่อยู่ในใจให้ออกมา” การกลับมาของ LORDE ในอัลบั้ม Virgin ที่สำหรับเธอแล้วคือ ‘ภารกิจ’ การเยียวยาตัวเองในทุกช่วงวัย

คุณอาจจะคุ้นหน้า ซีโมน แอชลีย์ (Simone Ashley) มาบ้างแล้วจากซีรีส์ Sex Education ในบทเพื่อนสาวสุดป่วง จากบทหนึ่งในพี่น้องนางเลือกแห่ง The Little Mermaid หรืออาจจะจากบทบาท เคต ชาร์มา หญิงสาวจากอินเดียที่ย้ายมายังอังกฤษจาก Bridgerton แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอได้รับบทนำจริงๆ สักที

Simone Ashley กับการรับบทนำใน Picture This (2025) หนังโรแมนติกคอเมดี้
สัญชาติอังกฤษเรื่องแรกที่นำแสดงโดยคนเชื้อสายอินเดีย

เป็นที่พูดถึงอีกครั้งสำหรับ Taylor Swift กับการออกรายการพอดแคสต์ New Heights คู่กับหวานใจนักอเมริกันฟุตบอล Travis Kelce กับแอร์ไทม์ยาวนาน 2 ชั่วโมง ที่เธอใช้มันอย่างคุ้มค่า  ไม่ว่าจะเป็นการประกาศอัลบั้มใหม่อย่าง The Life of a Showgirl ความรู้สึกทั้งหมดหลังจบ The Eras Tour ไปจนถึงมุมมองการใช้ชีวิตท่ามกลางแสงสีและสายตาที่จับจ้องมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้การมาเปิดใจในพอดแคสต์ครั้งนี้กลายเป็นไวรัลก็คือ การที่เทเลอร์นับว่าเอนเนอร์จี้ของเธอเป็นของ ‘หรูหรา’ ชิ้นหนึ่ง

“เอนเนอร์จี้ของเราคือของหรูหรา อย่าให้ใครมาลงทุนกับเอนเนอร์จี้ของคุณฟรีๆ” – Taylor Swift กับเคล็ดลับชีวิตสุดเรียล 
ซึ่งสอนให้รู้ว่าความสงบและความมั่นใจเริ่มต้นจากการเลือกใส่ใจในสิ่งที่คู่ควร

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Films

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

จุฬาลักษณ์ เดชะ

RELATED

HOT TOPICS