นาทีนี้ ใครยังจะมาแรงไปได้กว่า โซอี คราวิตซ์ ในฐานะนางแมวแห่ง The Batman (2022) ผู้ปรากฏตัวได้อย่างน่าจดจำทุกฉากทุกตอนตลอดความยาวสามชั่วโมงของหนัง 

นางแมวผู้เด็ดเดี่ยว และ ‘โคตรเอา’ แห่ง The Batman - Zoë Kravitz

นาทีนี้ ใครยังจะมาแรงไปได้กว่า โซอี คราวิตซ์ ในฐานะนางแมวแห่ง The Batman (2022) ผู้ปรากฏตัวได้อย่างน่าจดจำทุกฉากทุกตอนตลอดความยาวสามชั่วโมงของหนัง (และทำให้เธอออกปากว่า ภายหลังจากข่าวกระจายออกไปว่าเธอได้รับบทนี้ "ฉันนั่งรับสายโทรศัพท์ทั้งวัน มีคนโทรมาหามากกว่างานวันเกิดตัวเองอีกมั้งคะ") คราวิตซ์ประเดิมงานแสดงแรกๆ ของชีวิตจากบทสมทบในหนังฟอร์มเล็ก No Reservations (2007), Assassination of a High School President (2008) รวมถึงไปอยู่ในมิวสิกวิดีโอเพลง I Know ของ เจย์-ซี แต่บทที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในวงกว้างและได้รับการจดจำมากจริงๆ คือ X-Men: First Class (2011) หนังซุปเปอร์ฮีโร่ทุนสร้าง 160 ล้านเหรียญฯ ซึ่งคราวิตซ์รับบทเป็นมนุษย์กลายพันธุ์สาวผู้สยายปีกตราตรึงผู้คนจนอยู่หมัดนับตั้งแต่การปรากฏตัวในฉากแรก จากนั้นจึงเป็นไตรภาคหนังดิสโทเปีย The Divergent (2014-2016) แต่แรงกระเพื่อมที่ส่งให้เธอเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิมในฐานะนักแสดงน่าจับตาคือบท บอนนี-ครูสอนโยคะสาวผู้รักอิสระและเป็นมิตร กระทั่งเมื่อความตายของคนใกล้ตัวมาเยือน โศกนาฏกรรมนั้นก็เปลี่ยนแปลงเธออย่างรุนแรง- ในซีรีส์ Big Little Lies (2017-2019) ที่ส่งเธอและทีมนักแสดงเข้าชิงรางวัลกลุ่มนักแสดงยอดเยี่ยมจากเวทีสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ (Screen Actors Guild Awards) รวมทั้งบท 'หนึ่งในเมียทั้งห้า' จากหนังดิสโทเปีย Mad Max: Fury Road (2015)&nbsp; ถ้านี่ยังไม่ชวนว้าวพอ เธอยังตั้งวงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ป๊อป Lolawolf อีกด้วย อาจพอจะพูดคร่าวๆ ได้ว่า ภาพลักษณ์ของคราวิตซ์ในสายตาของฮอลลีวูดและคนดู คือนักแสดงสาวหน้าเก๋ที่ปรากฏตัวในหนังเรื่องไหนก็ชวนให้ละสายตาไม่ได้ ยังไม่นับว่าชีวิตส่วนตัวของเธอก็ชวนให้เป็นที่พาดหัวข่าวอยู่เป็นระยะ ในฐานะลูกสาวของนักดนตรีดัง เลนนี คราวิตซ์ และนักแสดง ลิซา โบเน็ต ชีวิตของเธอนับตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงโตจึงไม่วายเกี่ยวข้องกับข่าวคราว เสียงกระซิบกระซาบและสายตาสอดส่องของสื่อ อย่างน้อยก็โดยเฉพาะช่วงที่พ่อแม่ซึ่งเป็นคนดังทั้งคู่ของเธอหย่าขาดจากกัน "มันออกจะเขินอยู่เหมือนกันเวลาคนรู้ว่าฉันเป็นลูกใคร แล้วคนก็มักสรุปกันไปเองว่าที่ฉันได้งานก็เพราะนามสกุล เศร้านะ แต่มันก็จริงอยู่ที่ฉันนี่โคตรจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น หาตัวแทนมาทำงานด้วยง่ายๆ ฉันจะไม่แกล้งทำเป็นว่าการมีนามสกุลนี้มันไม่ช่วยให้อะไรในชีวิตมันง่ายขึ้นหรอก แต่ก็ต้องระลึกไว้เสมอว่าฉันทำงานหนักมาก" เธอบอก "ฉันไม่ได้แค่อยากพิสูจน์ตัวเองให้โลกเห็น แต่ยังอยากพิสูจน์ให้ตัวฉันเองเข้าใจด้วยว่า ฉันนั้นสมควรได้มีที่ทางในอุตสาหกรรมนี้จริงๆ" และถ้ายังจำกันได้ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คราวิตซ์กลายเป็นข่าวในแวดวงก๊อสซิปครั้งใหญ่ (ซึ่งตามปกติแล้วเธอใช้ชีวิตเรียบง่ายและแทบไม่เป็นข่าวคราวใดๆ เลย) คือเมื่อครั้งที่เธอปรากฏตัวในงานแฟชั่น Met Gala เมื่อปี 2021 ซึ่งเธอสวมเดรสตาข่ายโปร่งทับชุดชั้นในจนกลายเป็นหนึ่งในชุดที่ได้รับเสียงฮือฮามากที่สุดของงาน ทันทีที่ภาพได้รับการเผยแพร่ คราวิตซ์ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเธอนั้นแต่งตัว 'เปิดเผยเกินไป' 'ล่อแหลมเกินไป' รวมทั้งมีรูปร่างที่ 'ไม่ได้สัดส่วน' จนเธอตัดสินใจปิดแอ็กเคาต์อินสตาแกรมและโซเชียลมีเดียทิ้งทุกอย่างไปพักใหญ่ และกลับมาเปิดใช้งานอีกครั้งเมื่อเวลาล่วงผ่าน "การที่คนมารู้สึกอึดอัดใจกับเนื้อตัวเรานี่มันเหมือนเป็นการพยายามล้างสมองกันมากๆ เลยนะ มันก็แค่รูปร่างคนน่ะ" เธอบอก "แล้วไอ้วิธีคิดที่ว่าเราจะพูดอะไรใส่คนดังก็ได้เพราะไม่รู้สึกว่าคนดังเหล่านี้ 'เป็นคน' เหมือนกันนี่มันบ้าชะมัด ฉันก็เป็นคนนะ เวลาโดนด่ามา ก็ต้องสู้กลับสิ "เพราะงั้นมันไม่ใช่เรื่องว่า 'ฉันไม่ควรสวมเจ้าชุดนี่เหรอ' ไม่จ้า ฉันจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ใส่อะไรก็ได้ที่อยากใส่ แล้วถ้ามานั่งกลัวว่าคนจะพูดหรือคิดอะไรใส่เรา ฉันคงทำงานในฐานะศิลปินไม่ได้แล้วล่ะ" "สำหรับฉัน ความสวยงามคือทัศนคติน่ะ เวลาฉันเห็นคนที่สบายเนื้อสบายตัวกับสีผิวตัวเอง รู้ว่าตัวเองเป็นยังไง ฉันคิดว่านั่นน่ะแจ่มไปเลย อันที่จริงก็เคยเห็นคนที่ถูกเรียกว่า 'สวย' ตามหน้ากระดาษอยู่บ้างนะ แต่นัยน์ตาของคนเหล่านั้นว่างเปล่ามาก เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจ และนั่นแหละที่ทำให้ความสวยงามปราศจากความหมายไปโดยสิ้นเชิง" กล่าวสำหรับ The Batman และอุตสาหกรรมฮอลลีวูด คราวิตซ์เอง 'ชื่นใจ' ที่เห็นการเคลื่อนไหว เปลี่ยนผ่านในหลายมิติ ไม่เพียงแต่เรื่องความหลากหลายของบทและนักแสดง แต่ยังหมายความถึงความหลากหลายของทีมงานด้วย "ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้มันดำเนินไปด้วยผู้ชายมานานมาก แล้วเราไปคาดหวังให้พวกเขาพูดแทนเราไม่ได้หรอกเพราะพวกเขาไม่รู้ และนี่แหละเป็นเวลาที่ผู้หญิงจะได้ลุกขึ้นมาเขียนเรื่องที่อยากเขียน กำกับสิ่งที่อยากกำกับ โปรดิวซ์อะไรก็ตามที่เราอยากโปรดิวซ์" "อย่างตอนหนังเรื่อง Mad Max ออกฉายใช่มะ ฉันล่ะประหลาดใจจริงๆ เวลามีคนมาบอกว่า 'พระเจ้า นี่มันหนังเฟมินิสต์' ซึ่งก็เจ๋งมากเลยที่คนคิดแบบนี้ แต่ด้วยความสัตย์นะ ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้สักกะนิดตอนถ่ายทำ ฉันก็แค่ 'เอาเว้ย สาวๆ พวกนี้แม่งโคตรเอา'" และหนึ่งในบทที่ 'โคตรเอา' ลำดับล่าสุดของคราวิตซ์คือแคตวูแมนแห่ง The Batman ที่ฉายให้เห็นภาพความเด็ดขาด ความมั่นใจตลอดจนความลึกลับของนางแมวในเมืองที่กำลังจะล่มสลายอย่างก็อตแธม และบทนี้จะประสบความสำเร็จไม่ได้เลยหากว่าคราวิตซ์ไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้เสียจนผู้กำกับ แม็ตต์ รีฟ ออกปากว่า "เธอนี่แหละคือแคตวูแมนแท้ๆ" (แม้คราวิตซ์จะเล่าอย่างเขินๆ ว่า "ฉันต้องทำท่าถอดหมวกกันน็อกออกมาให้เท่สุดๆ แต่ทำยังไงก็ถอดไม่ได้ คือจำบทได้หมดเลยนะ แต่ติดไอ้ตรงหมวกนี่แหละ") ซึ่งน่าจะหมายรวมถึงบุคลิกสู้คน ความเด็ดเดี่ยวบางแง่มุมซึ่งฉายชัดอยู่ในตัวละครแคตวูแมน และในเนื้อตัวของคราวิตซ์เองด้วย

แม้ไม่ได้เป็นคู่หลัก แต่ฉากไหนที่ออกมาคู่กัน ก็ทำเอาแฟนๆ บางส่วนแอบฟิน คือคู่ของ ‘ครูแบมแบม’ กับ ‘ครูนิดา’ จากซีรีส์ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ ค่าย GMM ที่ฉายให้เห็นความเป็นไปได้ของคู่รักสาวทรานส์วัยกลางคน

สำรวจความหลากหลายของหญิงรักหญิง
ภายใต้ร่ม Sapphic ผ่านตัวละครใน
ซีรีส์ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ ที่ฉายให้เห็น
ความเป็นไปได้ของคู่รักสาวทรานส์วัยกลางคน

ริโนะ ซาชิฮาระ (Rino Sashihara) หรือ ซัชชี่ อดีตไอดอลวง AKB48 ออกมาเปิดใจว่า เธอเลิกกับแฟนเก่า ด้วยเหตุผลที่ว่า รับไม่ได้กับนิสัยอันน่ากลัวและเกรี้ยวกราดบางอย่างของเขา ที่แสดงออกมาตอนเล่นเกมกับเธอ

Rino Sashihara อดีตสมาชิก AKB48 เปิดเผยว่าเลิกกับแฟนเก่า เพราะนิสัยน่ากลัวของฝ่ายชายตอนเล่นเกม Overcooked!

แอนน์ แฮทธาเวย์ และ เจสสิกา แชนเทส โคจรมาพบกัน ที่ต่างฝ่ายต่างรับบทเป็น ‘แม่’ ของลูก ในภาพยนตร์ดราม่า ระทึกขวัญ ที่สุดแสนจะปั่นประสาทคนดู อย่าง Mothers’ Instinct หรือ สันดานแม่

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Films

นางแมวผู้เด็ดเดี่ยว และ ‘โคตรเอา’ แห่ง The Batman - Zoë Kravitz

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MAN ON FILM

RELATED

HOT TOPICS