ผู้คนรู้สึกเชื่อมโยงกับเลดี้เบิร์ด ราวกับว่าเธอคือร่างทรงที่ถ่ายทอดความว้าวุ่น ความสับสน เหนื่อยหน่ายที่ระเบิดตัวขึ้นพร้อมๆ กันในห้วงเวลาวัยรุ่นของหลายๆ คน 

Lady Bird ขอเธอจงเป็นเธอในเวอร์ชันที่ดีที่สุด...?

คริสทีน แม็กเฟียร์สัน (เซอร์ชา โรแนน) หรือที่เธอเรียกตัวเองว่า 'เลดี้ เบิร์ด' เป็นเด็กสาวที่เกิดและโตในซาคราเมนโต เมืองเล็กๆ ไกลปืนเที่ยงที่เธอนิยามว่าไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจ เรียนในโรงเรียนมัธยมเคร่งศาสนาที่เธอเห็นว่าน่าเบื่อหน่าย ตกหลุมรักหนุ่มหล่อของโรงเรียนจนได้ลิ้มรสความเจ็บช้ำของการได้มีแรกรัก พร้อมกันนี้ เลดี้เบิร์ดก็ฝันอยากไปใช้ชีวิตในนิวยอร์กซึ่งดูจะเป็นไปได้ยาก เมื่อมองจากสภาพครอบครัวที่สภาพการเงินไม่คล่องตัวนัก อันนำมาสู่การทะเลาะเบาะแว้งไม่จบไม่สิ้นกับ แมเรียน (ลอว์รี เม็ตคลาฟ) แม่ผู้ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูคนในครอบครัวหากมองโดยกว้างๆ Lady Bird (2017) —ผลงานกำกับลำดับที่สองของนักแสดงสาว เกรตา เกอร์วิก และส่งเธอชิงออสการ์สาขากำกับและเขียนบทยอดเยี่ยมได้เป็นครั้งแรก-ก็เป็นหนัง coming of age ที่พูดถึงชีวิต ความรักและความสัมพันธ์ของเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง สิ่งที่เลดี้เบิร์ดต้องเจอนั้นล้วนเป็นเรื่องแสนสามัญที่วัยรุ่นหลายคนต้องเจอ ทั้งการแอบชอบหนุ่มป๊อปของโรงเรียน ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากการสอบแต่ละครั้ง อยากแตกต่างแต่ก็กลัวที่จะถูกโลกเกลียด ทะเลาะกับแม่ ครูและคนรอบตัวที่เห็นต่างจากตัวเอง และการวาดฝันอยากออกไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ด้วยตัวคนเดียวและเพราะมันเล่าเรื่องที่แสนจะสามัญเช่นนี้เอง ผู้คนส่วนใหญ่จึงรู้สึกเชื่อมโยงและเข้าอกเข้าใจเลดี้เบิร์ด ราวกับว่าเธอคือร่างทรงที่ถ่ายทอดความว้าวุ่น ความสับสนหรือความเหนื่อยหน่ายที่ระเบิดตัวขึ้นพร้อมๆ กันในห้วงเวลาวัยรุ่นของหลายๆ คน&nbsp;สิ่งที่ทำให้ทั้งหนังและตัวละครโดดเด่นอย่างมาก คือ ความแน่วแน่ของเลดี้เบิร์ด เธอคือเด็กสาวในโรงเรียนเคร่งศาสนาซึ่งสนับสนุนให้เด็กสาวทุกคนใช้ชีวิตในกรอบจริยธรรมอันแสนเรียบร้อย มีอยู่ฉากหนึ่งที่โรงเรียนเกณฑ์เด็กผู้หญิงไปนั่งฟังวิทยากรสาวพูดเรื่องความเลวร้ายจากการทำแท้ง ด้วยการเล่าเรื่องสะเทือนใจสมัยที่แม่ของเธอตั้งท้องเธอขึ้นโดยไม่พร้อม แต่ตัดสินใจเก็บเด็กไว้จนทำให้เธอเติบโตมาจนทุกวันนี้ พร้อมแนบรูปเด็กวัยไม่กี่เดือน-ในสภาพก้อนเลือดดูไม่สบายตา-ที่ถูกทำแท้งจากครรภ์ของผู้หญิงบางคนให้เด็กนักเรียนดูไม่กี่อึดใจต่อมา คนที่วิทยากรสาวดึงขึ้นมาแลกเปลี่ยนความเห็น คือ เลดี้เบิร์ดที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่าเธอเหนื่อยหน่ายกับเรื่องชวนเศร้าและภาพเลือดโชกของการทำแท้งเหล่านี้เต็มทน “ฟังนะคะ การที่อะไรก็ตามมันดูน่าเกลียดไม่ได้แปลว่า มันผิดศีลธรรมสักหน่อย อย่างถ้าคุณถ่ายรูปจิ๋มหนูตอนมีประจำเดือนมันคงดูน่าแขยง แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันผิดศีลธรรมไงคะ”“แล้วอีกอย่างนะคะ ถ้าแม่คุณทำแท้งคุณไปตั้งแต่ตอนนั้น เราก็ไม่ต้องมานั่งฟังเรื่องโง่ๆ นี่ด้วย”แน่นอนว่าเลดี้เบิร์ดอาจไม่มีศัพท์แสงทางวิชาการมาทุ่มใส่วิทยากร อันที่จริงเธออาจไม่ได้มีคำเหล่านั้นอยู่ด้วยซ้ำ แต่เธอแค่เข้าใจและสนับสนุนเรื่องทางเลือกของผู้หญิงในการจะมีหรือไม่มีลูก ปฏิเสธศีลธรรมที่กดผู้หญิงไว้หลายร้อยปีจนแทบหายใจไม่ออก ภายใต้ชายคาของโรงเรียนเคร่งศาสนาแห่งนี้ขณะที่ความสัมพันธ์แม่ลูกของเลดี้เบิร์ดและแมเรียน ที่หนังไม่ได้เลือกจะถ่ายทอดเฉพาะด้านมุมอ่อนโยนที่ผู้หญิงมอบให้กันและกันเท่านั้น อันที่จริง ส่วนใหญ่แล้ว Lady Bird เล่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาวผ่านการระเบิดอารมณ์ (ว่าไปก็ตั้งแต่ฉากแรกของหนัง) การทุ่มเถียงและคราบน้ำตามหาศาล อย่างฉากที่เลดี้เบิร์ดทิ้งตัวลงจากรถที่กำลังแล่นอยู่ เพราะทนเบื่อหน่ายเสียงแม่บ่นไม่ไหว (เป็นเหตุให้เธอต้องสวมเฝือกสีชมพูแปร๋นที่แขนไปอีกค่อนเรื่อง) หรือแม่ที่ตะบี้ตะบันทั้งเถียงทั้งบ่นลูกจนบ้านแทบแตก พร้อมกันกับที่หนังก็มอบฉากอันแสนมหัศจรรย์ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ และความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของคนทั้งสอง เมื่อเลดี้เบิร์ดพังทลายจากความรักครั้งแรก ก็เป็นแมเรียนที่กอดปลอบลูกสาวด้วยความเข้าอกเข้าใจ ปราศจากท่าทีตัดสิน&nbsp;อย่างไรก็ดี ฉากที่เล่าความเป็นเลดี้เบิร์ด และความเป็นวัยรุ่นได้ดีมากที่สุด คือฉากที่เธอถามแม่ด้วยแววตาร้าวราน ว่าแม่ 'ชอบ' เธอบ้างไหม"แม่แค่อยากให้แกเป็นแกในเวอร์ชันที่ดีที่สุด""แล้วถ้าหนูดีได้แค่นี้ล่ะ"ในความแข็งแกร่ง ความดื้อรั้นและบางทีก็มุทะลุของเลดี้เบิร์ด เธอก็เป็นเช่นเดียวกันกับวัยรุ่นทั่วไป และนี่เองที่ทำให้เธอเป็นตัวละครที่มีคลื่นความถี่ตรงกันกับคนดูหลายคน จนเธอกลายเป็นตัวละครที่คนดูตลอดจนนักวิจารณ์รู้สึกว่าเรื่องราวของพวกเขาล้วนประกอบเป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งเล็กๆ ในตัวเธอ ทั้งการกลัวความล้มเหลว กลัวไม่เป็นที่รัก และที่สำคัญที่สุดคือกลัวที่จะทำให้คนที่เราผูกพันมากที่สุดในโลกผิดหวัง หากเราดีได้แค่นี้ พวกเขาจะยังชอบเราอยู่ไหม แล้วเวอร์ชันที่ดีที่สุดของเราคืออะไร ต้องทำมากแค่ไหนเราจึงจะ 'ดีพอ' ทั้งในสายตาคนอื่นและในสายตาตัวเอง แต่เลดี้เบิร์ดไม่มีทางรู้ได้ เราเองก็เช่นกัน&nbsp;

จบลงไปเรียบร้อยแล้ว กับงานประกาศรางวัลผลรางวัลทางดนตรีครั้งยิ่งใหญ่ Grammy Award 2025 ในปีนี้ ที่เป็นเหมือนพื้นที่ที่เหล่าศิลปินหลากหลายเจเนอเรชั่น โดยเฉพาะศิลปินหญิงรุ่นใหม่พร้อมใจกันออกมาตะโกนความในใจของพวกเธอ เพื่อส่งแมสเสจเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ของผู้อพยพ การกีดกันสีผิว เชื้อชาติ รวมถึงความแตกต่างหลากหลายทางเพศที่กำลังถูกสั่นคลอนอยู่ในเวลานี้ด้วย

แด่ ผู้หญิงผิวสี LGBTQ+ จนถึงผู้อพยพ ฯลฯ สปีชจากเหล่าป๊อปสตาร์ใน Grammy Award 2025 ที่เน้นย้ำว่าสังคมและการเมืองคือเรื่องเดียวกับดนตรี และวัฒนธรรมป๊อป

‘หูเย่เทา’ (HU YETAO) เทรนนีน่าจับตาผู้มาพร้อมความสามารถและคาริสม่าอันประจักษ์ จาก CHUANG ASIA SEASON 2 กับความมั่นใจใน ‘ตัวตน’ ของตัวเองที่มีความ ‘Feminine’

‘หูเย่เทา’ เทรนนีจีนจาก CHUANG ASIA SS2 ผู้โอบรับด้าน Feminine ของตัวเองในรายการเฟ้นหาบอยกรุ๊ป แต่ไม่ได้แปลว่าใครจะมีสิทธิ์บังคับให้เขาเป็นเพศอะไร

ก้าวเดินสำคัญของลิซ่าในเพลงเนื้อหาไม่ใหม่แต่เป็นหลักการพื้นฐานที่ทุกคนพึงระลึก ตั้งแต่ New Woman มาจนถึง BORN AGAIN ที่เป็นการสื่อสารว่าตัวเธอพร้อมแล้วกับการกรุยที่ทางของเธอให้ไปยืนในฐานะ ‘ตัวแม่’ อีกคนของวงการเพลงตะวันตกอย่างมั่นคง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Films

Lady Bird ขอเธอจงเป็นเธอในเวอร์ชันที่ดีที่สุด...?

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MAN ON FILM

RELATED

HOT TOPICS