แอนน์ แฮตธาเวย์ (Anne Hathaway) เป็นที่รักของคนดูจำนวนมาก แต่ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกเกลียดขนาดแทบจะหาบทดีๆ ไม่ได้ ถึงขนาดที่มีกระแส Hathahaters ที่เป็นศัพท์สำหรับกระแสความเกลียดชังที่เธอได้รับ

Anne Hathaway กับอดีตที่เคยเผชิญกระแสเกลียดชัง เพียงเพราะอคติในใจคน

ถ้าให้ยกรายชื่อนักแสดงหญิงแถวหน้าของฮอลลีวูด ไม่มากก็น้อยน่าจะมีชื่อของ แอนน์ แฮตธาเวย์ (Anne Hathaway) ติดมาในลิสต์ของหลายๆ คน ที่อาจตกหลุมรักเธอตั้งแต่บท มีอา เด็กสาวที่เพิ่งมารู้ว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงในหนังโรแมนติกคอเมดี้ The Princess Diaries (2001) กับฉากการ 'แปลงโฉม' ที่กลายเป็นหนึ่งในฉากจำของหนัง, เลขาสาวเปิ่นที่ต้องรับมือกับเจ้านายสุดเฮี้ยบใน The Devil Wears Prada (2006) ที่ตอนนี้กำลังถ่ายทำภาคต่อ, เป็นแคตวูแมนสุดตราตรึงใน The Dark Knight Rises (2012) มาจนถึงบทสุดโศกที่ส่งเธอคว้าออสการ์ได้เป็นครั้งแรกจาก Les Misérables (2012)บทบาทการแสดงของแฮตธาเวย์นั้นเต็มไปด้วยความหลากหลาย เธอเริ่มเส้นทางจากการแสดงละครเวทีและข้ามสายมาเล่นภาพยนตร์ และพิสูจน์ตัวเองทั้งในบทน่ารักน่าชัง บทแอ็กชั่นไปจนบทดราม่า เธอน่าจะเป็นที่รักของคนดูหลายๆ คน... แต่นั่นแหละ ยากจะเชื่อว่าครั้งหนึ่ง แอนน์ แฮตธาเวย์ เคยถูกเกลียดขนาดแทบจะหาบทดีๆ ไม่ได้ ถึงขนาดที่มีกระแส Hathahaters ที่เป็นศัพท์สำหรับกระแสความเกลียดชังที่เธอได้รับกระแสความเกลียดชังแฮตธาเวย์เริ่มขึ้นราวปี 2013 หรือคือหลังจากที่เธอคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Les Misérables ในบท ฟองตีน หญิงที่ต้องกล้อนผมและขายตัวเพื่อเลี้ยงลูก (กับการปรากฏตัวในหนังในเวลาไม่ถึง 20 นาที) หลังจากเธอขึ้นรับรางวัลบนเวทีออสการ์ ริชาร์ด ลอว์สัน (Richard Lawson) นักวิจารณ์ก็ชี้ว่า "เธอเป็นเหมือนพวกเด็กๆ ที่แสดงละครเวทีทั้งหลายเป็นน่ะ ประเภทเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองให้รับกับทุกสถานการณ์ที่เจอ แต่ออกมาล้นไปหมด เธอเลยดูเหมือนกำลังแสดงอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา และการแสดงแบบที่เธอโปรดปรานมากที่สุดคือการแสดงว่าถ่อมตัวและอ่อนน้อมแบบล้นเกินไปมาก""ผมรู้จักพวกเด็กจากละครเวทีมาทั้งชีวิต ผมเองก็เป็นคนแสดงละครเวทีมาทั้งชีวิตเหมือนกัน บอกเลยว่าเธอเป็นตัวอย่างเห่ยๆ ของเด็กจากละครเวทีแท้ๆ เลยแหละ"แต่อันที่จริง หากย้อนมองกลับไป กระแสความไม่พอใจตัวแฮตธาเวย์อาจเริ่มมาก่อนหน้าที่เธอจะได้รางวัลเสียอีก กล่าวคือเธอแจ้งเกิดจากบทอันเป็นที่รัก สดใสใน The Princess Diaries และตอกย้ำความสำเร็จด้วยภาคต่อ The Princess Diaries 2: Royal Engagement (2004) นักวิจารณ์ชี้ว่าเธอมีลักษณะแบบ girl next door หรือหญิงสาวที่น่ารัก ดูเป็นมิตร เข้าถึงได้ง่าย เป็นหนึ่งในนักแสดงสาวขวัญใจชาวอเมริกันยุคต้นทศวรรษ 2000s และคงจะกลายเป็นเจ้าหญิงหนังโรแมนติกได้ไม่ยากหากเธอเลือกรับบทในหนังฌ็องนี้ไปเรื่อยๆ แต่แฮตธาเวย์ก็ท้าทายตัวเองด้วยการรับบทเป็น ลอว์รีน ใน Brokeback Mountain (2005) กับฉากเปลือยอกขณะร่วมรักกับชายหนุ่ม ที่หลายคนมองว่าฉีกจากภาพจำนักแสดงสาวในบทใสๆ และถือเป็นบทบาทที่เป็น 'จุดเปลี่ยน' สำคัญของสายอาชีพนักแสดง อังลี่ (Ang Lee) ผู้กำกับหนังให้สัมภาษณ์ว่า แฮตธาเวย์ส่งเทปออดิชั่นบทลอว์รีนมาทั้งที่ยังสวมชุดเจ้าหญิงระหว่างถ่ายทำเรื่อง The Princess Diaries 2 "ผมมารู้ทีหลังว่าเธอใช้ช่วงเวลาพักกินมื้อกลางวันของกอง ในการถ่ายทำออดิชั่นบทหนังเรื่องนี้น่ะ" เขาเล่า&nbsp;"ฉันแค่อยากแสดงบทที่ฉันเชื่อในตัวละคร หนังแบบที่คนดูจะรู้สึกได้ว่า นี่คือการเติบโตในฐานะนักแสดงของฉัน" แฮตธาเวย์บอก "ด้านหนึ่ง ฉันเลยมองหาบทหนังที่ตัวเองจะได้รับบทเป็นผู้ใหญ่น่ะค่ะ"แต่กลายเป็นว่า การรับบทที่โตขึ้น หลากหลายขึ้นของแฮตธาเวย์กลับทำให้เธอถูกมองว่า เธอทำลายภาพอันสวยหวานของการเป็นนักแสดงหนังโรแมนติกและ 'ไม่ใส' หรือไม่ได้เป็นหวานใจอเมริกันอย่างที่หลายคนอยากให้เป็น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดของแฮตธาเวย์แม้แต่นิด กระนั้น เธอก็ยังมุ่งหน้ารับงานหลากหลายต่อไปโดยไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และความสำเร็จของ Les Misérables ก็ทำให้เธอตกเป็นเป้าของความเกลียดชังอันไร้เหตุผลแฮตธาเวย์ขึ้นรับรางวัลและกล่าวว่า "It came true." ก่อนจะกล่าวขอบคุณเพื่อนนักแสดงและทีมงาน กระนั้น หลายคนก็มองว่าทีท่าของเธอบนเวทีนั้นดู 'ไม่จริง' และเหมือนกำลังแสดงอะไรบางอย่างให้คนดูตลอดเวลา แอน ฟรีดแมน (Ann Friedman) เขียนบทความลงเว็บไซต์ The Cut ว่า "เธอเป็นเด็กละครเวทีที่นิสัยดีนะ แต่เอาเข้าจริงคนประเภทนี้จะทำให้คุณรำคาญเป็นบ้า" และ "แบบว่าคุณก็อยากแสดงความยินดีกับเธอนะ แต่ลึกๆ แล้วคุณก็อยากกลอกตาใส่เธอน่ะ"&nbsp;ภายหลัง แฮตธาเวย์กล่าวถึงช่วงเวลาการขึ้นรับรางวัลนั้นว่า "คุณได้รับรางวัลออสการ์แล้วก็ควรจะมีความสุขสิ ใช่ไหม แต่ประเด็นคือฉันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย" เธอเล่าในปี 2016 "ฉันรู้สึกผิดที่ต้องลุกขึ้นยืนในชุดราตรีที่มูลค่าสูงลิ่วเสียยิ่งกว่าที่ใครบางคนจะเคยได้เห็นเงินก้อนนั้นทั้งชีวิตเสียอีก และได้รับรางวัลจากการฉายภาพความเจ็บปวดที่ยังทิ้งร่องรอยไว้ในตัวเราในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง"กระแสความเกลียดชังปะทะแฮตธาเวย์อย่างแรง และแม้เธอจะคว้าออสการ์มาได้ กับการแสดงอันยอดเยี่ยมแบบปราศจากข้อกังขา เธอเล่าว่าหลังจากนั้นเธอหาบทหนังที่น่าสนใจแทบไม่ได้ "ตอนนั้นน่ะ หลายคนไม่ส่งบทหนังมาให้ฉันเพราะข่าวเสียๆ หายๆ ของฉันบนโลกออนไลน์นี่แหละ"เวลานั้นเอง คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) คนทำหนังที่แฮตธาเวย์เคยร่วมงานด้วยสมัย The Dark Knight Rises &nbsp;ส่งบทหนังไซไฟเรื่องหนึ่งมาให้เธอ "โนแลนไม่แยแสข่าวพวกนี้สักนิด และส่งหนึ่งในตัวละครที่งดงามที่สุดมาให้ฉันแสดง อยู่ในหนังที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังดีที่สุดที่ฉันได้มีส่วนร่วม" เธอว่า และหนังเรื่องนั้นคือ Interstellar (2014) "ฉันไม่รู้เหมือนกันนะว่าตอนนั้นเขารู้ตัวหรือเปล่าว่าช่วยเป็นแรงผลักให้ฉัน แต่มันส่งผลแน่นอน เพราะหน้าที่การงานฉันไม่ได้เสียศูนย์ไป อย่างที่คงจะเป็นแน่ๆ หากเขาไม่ส่งบทหนังนี้มาให้ฉัน"สิ่งที่น่าสนใจคือ กระแสการเกลียดชังแฮตธาเวย์เมื่อหลายปีก่อนนั้น ปะปนอยู่หลายมิติ ทั้งการที่เธอเป็นนักแสดงหญิงอายุยังน้อย, เป็นคนที่แจ้งเกิดจากหนังใสๆ, มีภาพลักษณ์น่ารักน่าชัง เป็นมิตรที่สื่อมวลชนเอ็นดู การที่เธอกระโจนไปสู่บทที่โตเป็นผู้ใหญ่ ท้าทายและแหลมคมอาจทำให้คนเหล่านี้ผิดหวัง หรือกระทั่งเลยเถิดวิพากษ์วิจารณ์เกินตัวบทไปว่า ความใสของเธอที่เห็นนั้นเป็น 'ความปลอม' และเมื่อเธอคว้ารางวัลออสการ์ได้ พวกเขาก็ไม่รีรอจะแปะป้ายว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่แฮตธาเวย์เป็นนั้น 'ช่างปลอม' เหลือเกิน โดยที่ก็เป็นไปได้ว่า ทัศนคติเช่นนี้มีต้นธารมาจากอคติบางประการต่อตัวแฮตธาเวย์"มันยากอยู่แล้วล่ะที่จะก้าวข้ามการถูกทำให้อับอายขายหน้าแบบนั้น แต่กุญแจสำคัญคืออย่าให้มันทำคุณพังเชียว!" แฮตธาเวย์บอก และไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อเวลาเคลื่อนผ่านมาอีกทศวรรษ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอยังคงเป็นหนึ่งในนักแสดงแถวหน้าที่หลายๆ คนรัก และยังคงพิสูจน์ตัวเองด้วยการกระโจนไปอยู่ในหนังฌ็องต่างๆ เสมอ อย่างที่เธอทำมาตลอดตั้งแต่เข้าวงการมาใหม่ๆอ้างอิงhttps://slate.com/culture/2013/01/why-do-people-hate-anne-hathaway-one-reason-is-simple-sexism.html &nbsp;&nbsp;https://www.youtube.com/watch?v=k_b5xav1jls &nbsp;https://www.youtube.com/watch?v=i8qvV98TPUg&amp;t=170s &nbsp;https://www.hollywood.com/celebrities/why-do-people-hate-anne-hathaway-55000498-60231034 &nbsp;https://www.glamour.com/story/anne-hathaway-oceans-8&nbsp;https://www.theguardian.com/film/2016/oct/20/anne-hathaway-male-energy-different-from-toxic-masculinity-colossal?CMP=fb_gu&nbsp;https://www.businessinsider.com/why-did-everyone-hate-anne-hathaway-hathahate-explained-2024-3&nbsp;https://abcnews.go.com/GMA/Culture/anne-hathaway-reflects-intense-online-hate-experienced-past/story?id=108479686&nbsp;

 Pride Month ที่ผ่านมา กิจกรรมที่ถูกนำเสนออาจเป็นภาพของการเฉลิมฉลองที่พูดถึง LGBTQ+ ในมิติเชิงสังคม อย่างการส่งเสียงถึงภาครัฐฯ เรื่องของกฎหมาย นโยบาย ความเคลื่อนไหวด้านความหลากหลายที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่น้อยนักที่กิจกรรม Pride จะพูดถึง ‘ภายใน’ ที่ลึกลงไปกว่านั้นอย่างเรื่องของ ‘จิตวิญญาณ’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมิติที่อาจยังไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนักในสังคม 

Paradiso นิทรรศการศิลปะที่เล่าถึงภาวะศักดิ์สิทธิ์และแปลกปลอมในจิตวิญญาณของ LGBTQ+ 

อีกหนึ่งประเด็นที่จับใจใน Wednesday ซีซั่นที่สอง ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างเวนส์เดย์กับแม่ของเธอ (Mortica Addams) เวนส์เดย์กับยายของเธอ (Grandmama Hester Frump) และแม่ของเวนส์เดย์กับแม่ของเธอเอง

Wednesday ซีซั่น 2 กับความไม่ลงรอยระหว่าง ‘แม่’ และ ‘ลูกสาว’ เมื่อแม่ทุกคนก็ล้วนเคยเป็นลูกสาว และเผลอเอาสิ่งที่ตัวเองเคยเผชิญมาจำกัดกรอบลูกสาวตัวเอง

“นี่คืออัลบั้มที่ฉันใส่ตัวตนของตัวเองอย่างแท้จริง”

“อัลบั้มนี้ฉันมีจุดมุ่งหมายที่จะปลดปล่อยตัวเองอย่างเต็มร้อย ระเบิดโลกที่อยู่ในใจให้ออกมา” การกลับมาของ LORDE ในอัลบั้ม Virgin ที่สำหรับเธอแล้วคือ ‘ภารกิจ’ การเยียวยาตัวเองในทุกช่วงวัย

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Entertainment

Anne Hathaway กับอดีตที่เคยเผชิญกระแสเกลียดชัง เพียงเพราะอคติในใจคน

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MAN ON FILM

RELATED

HOT TOPICS