Lizzo พูดถึงการทเวิร์กในประวัติศาสตร์คนผิวดำ และเป็นการเต้นที่ทำให้เธอรักตัวเองมากขึ้น

"การทเวิร์กทำให้ฉันพบว่า ฉันมีก้นเป็นสมบัติอันล้ำค่า" —Lizzo

“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ TED twerk” คือคำกล่าวต้อนรับผู้ฟังของลิซโซ่ (Lizzo) ศิลปินนักร้องที่ขึ้นพูดในงาน TED talk ในหัวข้อ ‘ประวัติศาสตร์การทเวิร์กของคนดำ และการที่มันสอนให้ฉันรักตัวเอง’ลิซโซ่คือศิลปินพลัสไซส์เจ้าของเพลงดังมากมาย อย่าง Truth Hurts, Juice, Good as Hell และเพลงล่าสุด Rumors เธอได้พูดถึงการเต้นที่เน้นก้นและสะโพกที่เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และมีประวัติศาสตร์ผูกพันกับความเป็นสาวผิวดำที่ไม่ได้มีเรือนร่างผอมบาง และมันก็ทำให้เธอรักรูปร่างของตัวเองขึ้นด้วย“ฉันเคยเกลียดก้นของฉัน เคยคิดว่าต้องเป็นก้นแบบเจโล หรือบียอนเซ่เท่านั้นถึงจะโด่งดังได้ และไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับฉัน ฉันรู้สึกมาตลอดว่ารูปร่างของฉันไม่ใช่แบบที่ถูกต้อง หรือแบบที่น่าพึงพอใจ เพราะฉันโตมาในยุคที่การมีก้นใหญ่ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็นกระแสหลัก” คำพูดของเธอในช่วงเปิดการทอล์ก ทำให้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นลิซโซ่ที่มั่นใจกับรูปร่างที่ไม่ได้ตรงตาม Beauty Standard นั้นต้องผ่านความรู้สึกอะไรมาบ้าง ก่อนที่ทั้งงานเพลงและรูปร่างของเธอจะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก&nbsp;“ก้นของฉันกลายเป็นหัวข้อบทสนทนา ก้นของฉันอยู่ในแม็กกาซีน ริฮานน่ายืนปรบมือให้กับก้นของฉัน สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไงน่ะเหรอ การทเวิร์กไง การทเวิร์กทำให้ฉันพบว่าฉันมีก้นเป็นสมบัติอันล้ำค่า” คือคำกล่าวของลิซโซ่ที่สะท้อนให้เห็นว่าการทเวิร์กทำให้เธอค้นพบคุณค่าของร่างกายตัวเองได้&nbsp;ก่อนที่จะเริ่มเล่าย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอรู้จักกับการทเวิร์ก และพาทุกคนย้อนกลับไปสู่จุดกำเนิดของการทเวิร์กที่พัฒนามาจากท่าเต้นเฉลิมฉลองต่อพระเจ้าของผู้หญิงชาวแอฟริกันตะวันตก เมื่อหลายร้อยปีก่อน ผ่านการเต้นที่เรียกว่า มาพูก้า (mapouka) ซึ่งเป็นการเต้นเฉลิมฉลองความรื่นเริง และเป็นการเต้นในการแต่งงานของผู้หญิงแอฟริกันตะวันตก เพื่อแสดงว่าฉันนั้นพร้อมสำหรับการแต่งงานแล้ว&nbsp;คนดำได้นำท่าเต้นเหล่านี้ติดตัวมาด้วย และได้นำพาท่าเต้นเหล่านี้ข้ามมหาสมุทรมากับการค้าทาสที่อเมริกาในอดีต ก่อนที่การเฉลิมฉลองนั้นจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองต่อพระเจ้าในโบสถ์ของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการดนตรีผ่านการโยกย้ายของ มา เรนีย์ (Ma Rainey) นักร้อง-นักแต่งเพลงบลูส์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘Mother of Blues’ และ เบสซี่ สมิธ นักร้องบลูส์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก มา เรนีย์ ไปจนถึงท่าเต้นในกระโปรงกล้วยอันโด่งดังของนักเต้น-นักร้องชาวฝรั่งเศสที่เกิดในอเมริกา อย่าง โจเซฟิน เบเกอร์ (Josephine Baker) ที่ช่วยเติมสีสันและชีวิตชีวาให้กับวัฒนธรรมชาวแอฟริกัน-อเมริกันได้เป็นอย่างดี“เหล่าคนดำได้นำความออริจินัลของท่าเต้นนี้ติดตัวมาด้วยผ่านทาง DNA ของพวกเรา ผ่านสายเลือด ผ่านกระดูกของพวกเรา และพวกเราทำให้การทเวิร์กกลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลกอย่างที่มันเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้”&nbsp;การทเวิร์กถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และกลายเป็นความร่วมแรงร่วมใจของชุมชนคนดำในอเมริกาที่มีต้นกำเนิดจากวัฒนธรรมคนดำฝ่ายใต้ของอเมริกา ที่ทำให้การทเวิร์กนี้ถูกแสดงออกและได้รับการเฉลิมฉลองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในทุกคลับของคนดำ ก่อนจะใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าที่การทเวิร์กจะกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในกระแสหลักเหมือนทุกวันนี้ ลิซโซ่เล่าต่อไปถึงท่าเต้นในเพลงแดนซ์สุดไอคอนิคอย่าง Crazy in love ของบียอนเซ่ที่มาพร้อมท่าเต้นการโยกย้ายในแบบการทเวิร์กในปี 2003 และจุดนี้เองที่ทำให้เธอรู้สึกอยากที่จะเป็นตัวของตัวเอง ที่จะรักร่างกายของเธอมากยิ่งขึ้นหลังจากที่เริ่มมีศิลปินเริ่มนำท่าเต้นทเวิร์กไปใช้ในผลงานมากขึ้น การทเวิร์กก็เริ่มเป็นที่รู้จักและถูกพูดถึงผิดเพี้ยนไป จนเริ่มมีคนวิจารณ์ว่าการทเวิร์กนั้นคือการแสดงทางเพศที่เกินควรของวัยรุ่นหญิง จนทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่คนเริ่มมองว่ามันคือการกระทำที่ไม่เหมาะสม&nbsp;อย่างไรก็ตาม เธอเล่าต่อว่า “สำหรับฉันการทเวิร์กไม่ใช่แค่เทรนด์ และรูปร่างของฉันก็ไม่ใช่เทรนด์ ฉันจะทเวิร์กเพื่อวัฒนธรรมของฉัน ทเวิร์กเพื่อเหล่านักเปลื้องผ้า ทเวิร์กเพื่อเหล่า sex workers ทเวิร์กเพื่อเหล่าผู้หญิงในโบสถ์ ฉันทเวิร์กเพื่อบรรพบุรุษของฉัน เพื่อการปลดปล่อยทางเพศ และเพราะฉันรู้ว่ารูปร่างของฉันนั้นงดงาม การทเวิร์กคือสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนดำ มันมีความหมายกับฉันมาก ฉันทเวิร์กเพราะฉันรู้ว่าฉันมีความสามารถ และฉันทเวิร์กเพราะการอ้วนและดำคือสิ่งที่สวยงาม”ใครที่อยากฟัง TED twerk ของ Lizzo สามารถฟังแบบเต็มได้ที่ยูทูบแล้วพิมพ์ Lizzo: The Black history of twerking - and how it taught me self-love&nbsp;#Lizzo #TED #twerking #SelfLove #MIRRORThailandอ้างอิง: <a href="https://www.youtube.com/watch?v=ZlSzEw0vmQ0" rel="noopener noreferrer" target="_blank">TED</a> / <a href="https://www.dazeddigital.com/music/article/54373/1/watch-lizzo-give-a-ted-talk-on-the-history-of-twerking" rel="noopener noreferrer" target="_blank">Dazed</a>

แม้ไม่ได้เป็นคู่หลัก แต่ฉากไหนที่ออกมาคู่กัน ก็ทำเอาแฟนๆ บางส่วนแอบฟิน คือคู่ของ ‘ครูแบมแบม’ กับ ‘ครูนิดา’ จากซีรีส์ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ ค่าย GMM ที่ฉายให้เห็นความเป็นไปได้ของคู่รักสาวทรานส์วัยกลางคน

สำรวจความหลากหลายของหญิงรักหญิง
ภายใต้ร่ม Sapphic ผ่านตัวละครใน
ซีรีส์ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ ที่ฉายให้เห็น
ความเป็นไปได้ของคู่รักสาวทรานส์วัยกลางคน

แอนน์ แฮทธาเวย์ และ เจสสิกา แชนเทส โคจรมาพบกัน ที่ต่างฝ่ายต่างรับบทเป็น ‘แม่’ ของลูก ในภาพยนตร์ดราม่า ระทึกขวัญ ที่สุดแสนจะปั่นประสาทคนดู อย่าง Mothers’ Instinct หรือ สันดานแม่

Mothers’ Instinct : สันดานแม่ เรื่องของผู้หญิงที่ต้องสู้กันเอง เพื่อพิสูจน์ความเป็นแม่ที่ดี และกล่าวโทษกันเองว่าใครเป็นแม่ที่แย่

เมื่อฉากเซ็กซ์และอีโรติกกลายมาเป็นจุดขาย เป็นพาร์ตหนึ่งของเอนเตอร์เทนเมนต์ส่วนใหญ่ ไม่ว่าในโฆษณา รายการทีวีกระแสหลัก หนัง ซีรีส์ เอ็มวี ฯลฯ มันมาพร้อมกับการสร้างจินตนาการ ใส่ความหวือหวาแฟนตาซี และ Artistic ต่างๆ ในแง่ของงานศิลปะเข้าไปมากมาย หากแต่แฟนตาซีเหล่านี้เองก็อาจสร้างความรับรู้ที่น่ากังวลสำหรับคนดูบางกลุ่มได้เช่นกัน

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Entertainment

"การทเวิร์กทำให้ฉันพบว่า ฉันมีก้นเป็นสมบัติอันล้ำค่า" —Lizzo

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NATARAJ

RELATED

HOT TOPICS