แค่เดินในมหาวิทยาลัย ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ จะโดนแอบถ่ายรูปแล้วเอาไปจัดอันดับว่าเราสวยหรืออัปลักษณ์แค่ไหน แต่มีผู้หญิงในเซี่ยงไฮ้กว่า 5,000 คนที่ตกเป็นเป้าหมายของ "งานศิลปะ" ครั้งนี้

ศิลปินจีนแอบถ่ายผู้หญิง 5,000 คนพร้อมจัดอันดับความสวย-อัปลักษณ์

แค่เดินในมหาวิทยาลัย ใครจะไปรู้ว่าอยู่ๆ จะโดนแอบถ่ายรูปแล้วเอาไปจัดอันดับว่าเราสวยหรืออัปลักษณ์แค่ไหน แต่มีผู้หญิงในเซี่ยงไฮ้กว่า 5,000 คนที่ตกเป็นเป้าหมายของ "งานศิลปะ" ครั้งนี้เรากำลังพูดถึงงานวิดิโอของ ซ่ง ทา (Song Ta) ที่ใช้ชื่อในภาษาจีนว่า "ดอกไม้มหาลัย" และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘น่าเกลียดยิ่งกว่าและน่าเกลียดยิ่งกว่า’ หรือ Uglier and Uglier ที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2013 โดยเขาแอบถ่ายภาพและคลิปของผู้หญิงที่เขาเจอในมหาวิทยาลัยกว่า 5,000 คน แล้วมาจัดอันดับจากผู้หญิงที่เขาคิดว่าสวยที่สุดไปจนถึงไม่สวยที่สุด ก่อนจะเอามาเรียงในวิดิโอที่ฉายตั้งแต่เช้าจนค่ำ“ถ้าคุณอยากเห็นนางฟ้าก็จงมาดูให้เช้าที่สุด เพราะยิ่งมืดค่ำแล้วมันจะยิ่งกลายเป็นนรก” เขาพูดเอาไว้แบบนี้งานชิ้นนี้ถูกนำมาจัดแสดงอีกครั้งที่พิพิธภัณฑ์ OCAT Shanghai ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ทันทีที่จัดแสดงและเผยแพร่วิดีโอโปรโมท งานของ ซ่ง ทา ก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากสาธารณะชน จนทำให้ต้องระงับการเผยแพร่ไปภายในวันนั้นคนส่วนใหญ่เห็นไปในทางเดียวกันว่างานของเขาเป็นการดูหมิ่นคนอื่นอย่างรุนแรง ทั้งยังละเมิดความเป็นส่วนตัวด้วยการแอบถ่ายภาพ ยิ่งกว่านั้นยังมีการตั้งคำถามต่ออีกว่าเราควรมองสิ่งนี้เป็นศิลปะหรือไม่อย่างไร ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์เองตอบรับว่า “เราจะรับคำวิจารณ์ไว้เพื่อปรับปรุงการให้บริการของเราและจะต้องปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อกัน เพื่อสนับสนุนความหลากหลายให้เกิดขึ้น”&nbsp;สำหรับตัวศิลปินเอง หลังจากเกิดดราม่าครั้งนี้เขายังคงปิดปากเงียบ แต่จากการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2019 เขาเคยพูดถึงการให้คะแนนรูปลักษณ์ของผู้คนว่าเขาไม่ต้องการประนีประนอมใดๆ เขาและผู้ช่วยถึงกับจัดโฟลเดอร์เอาไว้ว่า น่าเกลียดแบบพอให้อภัย กับ น่าเกลียดอย่างไม่น่าให้อภัย และนั่นเป็นการตัดสินผู้คนด้วยความสัตย์จริง“การตัดสินคุณอย่างซื่อสัตย์ถือเป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง ผมจะไม่โกหกว่าคุณดูดีกว่าที่คุณเป็น นั่นถือว่าไม่ให้เกียรติกัน มันเป็นการหลอกคุณด้วยคำสวยหรูดีๆ นี่เอง” เขาพูดไว้อย่างนั้น — แล้วคุณล่ะ คิดเห็นยังไงกันบ้าง?.อ้างอิง : <a href="https://www.scmp.com/news/people-culture/gender-diversity/article/3137871/chinese-art-museum-shanghai-apologises-and" rel="noopener noreferrer" target="_blank">scmp.com</a>

“Big boy, don’t cry” คือประโยคสั้นๆ แต่กลับมีมวลพลังงานหนักอึ้ง เพราะการ ‘เป็นผู้ชายต้องไม่ร้อง’ ที่ผู้ชายหลายคนถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้นี้เองที่มาพร้อมอุดมคติและความคาดหวังของสังคมเอาไว้ว่าการเป็นชาย(แท้) จะอ่อนแอไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเป็นสามี เป็นเจ้านาย เป็นผู้นำครอบครัว และไหนจะยังต้องเป็นพ่อของลูกที่สมบูรณ์แบบอีก กล่าวคือ ในสังคมปิตาธิปไตย ผู้ชายเองก็ต้องเผชิญแรงกดดันมากมาย จาก ‘ความเป็นชายเป็นพิษ’ ที่ไม่เพียงกัดกินผู้ชายด้วยกันเอง ยังส่งผลต่อคนอื่นๆ รอบข้างพวกเขาด้วย  

Big boy, can cry! ใครว่าชายแท้อ่อนแอไม่ได้ หนังที่ว่าด้วยความแตกสลายของเหล่าตัวละครชาย ที่แม้อยากร้องไห้แต่ทำไม่ได้ เพราะความคาดหวังว่าผู้ชายต้องแข็งแกร่งตลอดเวลา

ภาพยนตร์เรื่อง ‘เพื่อนสนิท’ สะท้อนความสัมพันธ์แบบ What if ได้เป็นอย่างดี เพราะคำตอบของ ‘ดากานดา’ ในวันนั้น กลายเป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจตัวละครและผู้ชมมาตลอดหลายสิบปี ถ้าไข่ย้อยกล้าทำอะไรมากกว่านี้ ทั้งคู่จะไม่เป็นอย่างเพลง ‘I'm ok // not ok’ หรือเปล่า?

จากหนัง ‘เพื่อนสนิท’ สู่บทเพลง ‘I'm ok // not ok’ ทำไมความสัมพันธ์แบบ What if จึงสวยงามเสมอ เมื่อเรื่องราวของทั้งคู่จบลงตั้งแต่จดหมายฉบับสุดท้าย และความเสียดายติดค้างอยู่ในใจตลอดกาล

เราคุ้นชินภาพของผู้หญิงอินเดียแบบไหนกันบ้าง? ที่แน่ๆ คงไม่ใช่แบบที่ Keerthana Kunnath ถ่ายทอดออกมาผ่านภาพถ่ายเชิงสารคดีชุดนี้ และนี่ก็คืออีกหนึ่งความเป็นผู้หญิงอินเดียที่เธออยากสะท้อนให้โลกเห็น พวกเธอแข็งแกร่งในฐานะนักเพาะกายมืออาชีพ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Art

ศิลปินจีนแอบถ่ายผู้หญิง 5,000 คนพร้อมจัดอันดับความสวย-อัปลักษณ์

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

SERENE

RELATED

HOT TOPICS